รอยเตอร์/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-นายวิลลาร์ด มิตต์ รอมนีย์ อดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์ ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2012 อย่างเป็นทางการ ในการประชุมใหญ่พรรคที่มีขึ้น ณ เมืองแทมป้า มลรัฐฟลอริดา เมื่อคืนวันอังคาร (28) ตามเวลาท้องถิ่น หลังกระบวนการเสนอชื่อต้องถูกเลื่อนมาจากเมื่อวันจันทร์ (27) เพราะผลพวงของพายุเฮอร์ริเคน “ไอแซค”
รายงานข่าวซึ่งอ้างคำแถลงของนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ สังกัดพรรครีพับลิกันระบุว่า รอมนีย์ วัย 65 ปี ได้รับคะแนนโหวตจาก “คณะผู้แทน” ของสมาชิกพรรครีพับลิกันถึง 2,061 คะแนน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วรอมนีย์ต้องการแค่ 1,144 คะแนนก็ถือเป็นการเพียงพอสำหรับการได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคแล้ว ขณะเดียวกัน พอล ไรอัน สมาชิกสภาคองเกรสจากมลรัฐวิสคอนซิน ก็ได้รับการรับรองให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีของพรรครีพับลิกัน อย่างเป็นทางการเช่นกัน
ด้านนางแอนน์ รอมนีย์ ภรรยาวัย 63 ปีของมิตต์ รอมนีย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีประชุมใหญ่ครั้งนี้ ระบุว่า สามีของเธอคือบุคคลที่ชาวอเมริกันต้องการ พร้อมยืนยันสามีของเธอจะไม่ทำให้ชาวอเมริกันต้องผิดหวัง เรียกเสียงปรบมืออย่างกึกก้องท่ามกลางการคาดการณ์ของหลายฝ่ายว่า นางแอนน์ รอมนีย์ ผู้นี้อาจกลายเป็น “อาวุธเด็ด” ของมิตต์ ในการสู้ศึกเลือกตั้งกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาและรองประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งพรรคเดโมแครต ในเดือนพฤศจิกายนนี้
ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดในสหรัฐฯที่ทำโดยสำนักข่าวรอยเตอร์ร่วมกับอิปซอส โพลล์ที่มีการเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (28) ระบุว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามายังมีคะแนนนิยมนำหน้ารอมนีย์อยู่ราว 2 เปอร์เซ็นต์ที่ร้อยละ 45 ต่อ 43 ซึ่งถือเป็นข่าวร้ายสำหรับประธานาธิบดีโอบามาและพรรคเดโมแครต เนื่องจากผลสำรวจก่อนหน้านี้ระบุว่า โอบามามีคะแนนนำรอมนีย์อยู่มากกว่า 4 จุด
อย่างไรก็ดี จูเลีย คลาร์กแห่งอิปซอส โพลล์ เผยว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่าการประชุมใหญ่ของพรรครีพับลิกันและบทบาทของนางแอนน์ รอมนีย์ มีส่วนช่วยให้กระแสความนิยมในตัวมิตต์ รอมนีย์เพิ่มสูงขึ้นภายในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน
นักวิเคราะห์ระบุว่า ผลสำรวจล่าสุดชี้ให้เห็นว่า การชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้เป็นการแข่งขันที่สูสีมากกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้ แต่ปัจจัยชี้ขาดน่าจะอยู่ที่บรรดาผู้มีสิทธิ์ออกเสียงอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเทใจให้โอบามาหรือรอมนีย์ ขณะที่ประเด็นด้านเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาการว่างงานถือเป็นประเด็นที่ชาวอเมริกันให้ความสำคัญมากที่สุดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้
