“แม้ว” จ้อสื่อกิมจิ ระบุคิดถึงบ้าน-เหลือเงินในกระเป๋าไม่ถึงล้านดอลลาร์ ยันมือสะอาดไม่เคยโกงกิน

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์- พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของไทย ที่หลบหนีคดีทุจริตอยู่ในต่างประเทศมานานกว่า 7 ปีหลังถูกโค่นอำนาจโดยกองทัพ โผล่ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ดังภาคภาษาอังกฤษของเกาหลีใต้อย่าง “Korea JoongAng Daily ”ระบุ คิดถึงเมืองไทยและครอบครัว ย้ำชัด “มือสะอาดไม่เคยโกงกิน” แต่กลับถูกกล่าวหาว่าคอรัปชันเงินของตัวเอง เผยตอนนี้เหลือเงินในกระเป๋าไม่ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯแล้ว

บมสัมภาณ์พ.ต.ท.ทักษิณ วัย 63 ปีซึ่งเดินทางเยือนกรุงโซลเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์รายวัน“Korea JoongAng Daily”โดยอดีตนายกรัฐมนตรีของไทยเปิดใจกับผู้สื่อข่าว ชอน ซู-จินว่าในช่วงปีแรกที่ต้องหลบหนีไปต่างประเทศนั้นความรู้สึกย่ำแย่มาก แต่นับตั้งแต่ปีที่ 2 เป็นต้นมาก็เริ่มปรับตัวได้

อย่างไรก็ดี พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวขอบคุณคณะบุคคลที่อยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ โดยระบุ การถูกยึดอำนาจทำให้เขามีโอกาสได้เดินทางและเรียนรู้เกี่ยวกับโลกมากขึ้น พร้อมคุยฟุ้งเพิ่งเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาและได้พบเฮนรี คิสซิงเจอร์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯต่อเอเชียมาหมาดๆ ทั้งยังเผยว่าอยากเรียนรู้เกี่ยวกับเกาหลีเพิ่มโดยเฉพาะโครงการจัดการแม่น้ำ 4 สายเพราะมีความคล้ายคลึงกับโครงการจัดการน้ำในขณะที่ตนอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย

พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า ในความเป็นจริงแล้วตนเองไม่ใช่พวกประชานิยม แต่ตนเองเป็นคนที่มี “จิตใจเอื้อเฟื้อ” มากพอที่จะจัดสรรงบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจจากระดับรากหญ้า ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ตัวเขามีคะแนนนิยมสูง และเป็นเหตุผลที่พี่น้องประชาชนชาวไทยต้องการให้เขากลับประเทศ

อดีตนายกรัฐมนตรีของไทยรายนี้ยืนยันในช่วงหนึ่งของการให้สัมภาษณ์ว่า ตนเองตกเป็นเหยื่อทางการเมือง และข้อกล่าวหาต่างๆที่ได้รับล้วนเป็นการใส่ร้ายป้ายสี ถูกกล่าวหาว่าทุจริตทรัพย์สินของตัวเอง พร้อมอ้างชื่ออ้างนิตยสาร “ฟอร์บส์” ของสหรัฐฯ ว่าเคยจัดอันดับให้ตนมีรายได้มากถึง 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 69,211 ล้านบาท)แต่ตอนนี้ตนเองเหลือเงินน้อยกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ไม่ถึง 31.4 ล้านบาท) ทั้งที่ตนเองเป็นคนมือสะอาด และประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจมาก่อนการก้าวเข้าสู่ถนนการเมือง

เมื่อถูกถามถึงน้องสาวคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน พ.ต.ท.ทักษิณระบุว่า ยิ่งลักษณเป็นคนทำงานหนักมากและเรียนรู้เร็ว พร้อมเปรียบเทียบตัวเองเป็นเหมือน “สารานุกรม” ที่ผู้เป็นน้องสาวสามารถเปิดอ่านได้ตลอดเวลา

ในส่วนของการผลักดันกฎหมายปรองดองแห่งชาติที่หลายฝ่ายมองว่าจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เขาได้กลับประเทศไทยเร็วขึ้นนั้น พ.ต.ท.ทักษิณชี้ว่า ฝ่ายค้านมีความกังวลมากเกินไป

ในตอนท้ายของการให้สัมภาษณ์ พ.ต.ท.ทักษิณยืนยันว่าตนเองได้วางมือทางการเมืองแล้วและหันมาสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของตนอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันได้ยกคำกล่าวของมหาตมะ คานธี แห่งอินเดียที่ว่า "ความรุนแรงเป็นบ่อเกิดของความรุนแรงมากยิ่งขึ้น" และย้ำถึง “การให้อภัย”