เอเจนซีส์ - เกิดเหตุระเบิดเสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนกลางกรุงดามัสกัสเมื่อวันพุธ (15) ในบริเวณที่อยู่ใกล้อาคารหลายแห่งของกองทัพ รวมทั้งโรงแรมที่พักของคณะผู้สังเกตการณ์ยูเอ็น ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 คน ขณะเดียวกันอดีตนายกฯ ซีเรียผู้แปรพักตร์ชี้ ระบอบอัสซาดกำลังล่ม โดยขณะนี้ควบคุมพื้นที่ในประเทศไม่ถึง 1 ใน 3 ส่วนทางด้านองค์การสำคัญของชาติมุสลิมก็เตรียมที่จะลงมติระงับสมาชิกภาพของซีเรีย ตามแรงผลักดันของซาอุดีอาระเบีย ถึงแม้ถูกอิหร่านคัดค้าน
เหตุการณ์ระเบิดล่าสุดในเมืองหลวงซีเรียเกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. (12.30 น.ตามเวลาไทย) ของวันพุธ จากระเบิดที่ซุกซ่อนอยู่ในรถบรรทุกน้ำมันที่จอดอยู่ในที่จอดรถของโรงแรม ส่งผลให้รถของยูเอ็นที่จอดเรียงรายหลายคันในบริเวณนั้นได้รับความเสียหาย
แม้เหตุระเบิดเกิดขึ้นที่โรงแรมดังกล่าว แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเป้าหมายคือที่ใดหรือกลุ่มใด โดยบริเวณนั้นยังเป็นที่ตั้งของสโมสรนายทหาร อาคารที่ทำการพรรคบาธ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล อีกทั้งอยู่ไม่ไกลจากศูนย์บัญชาการของกองทัพ
รองนายกรัฐมนตรี ไฟซาล เม็กแดด ของซีเรีย แถลงว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่สังเกตการณ์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์คราวนี้ ซึ่งเกิดขึ้น 4 สัปดาห์พอดิบพอดีหลังเหตุระเบิดในดามัสกัสที่สังหารเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงที่เป็นบุคคลใกล้ชิดประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด 4 คน
ในเวลาต่อมา กองทัพซีเรียเสรีซึ่งเป็นกองกำลังอาวุธของฝ่ายกบฎได้ออกคำแถลงอ้างว่าเป็นผู้รับผิดชอบก่อเหตุคราวนี้ โดยเป้าหมายคือการประชุมทางทหารของซีเรียซึ่งจัดขึ้นใกล้ๆ กับโรงแรมดังกล่าว
ขณะที่นายทหารผู้หนึ่งบอกกับเอเอฟพีในบริเวณที่เกิดเหตุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดตลอดจนจากไฟไหม้ที่เกิดขึ้นรวม 5 คน
ความรุนแรงในซีเรียซึ่งฝ่ายต่อต้านระบุว่า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 18,000 คนนับจากประชาชนลุกขึ้นต่อต้านอัสซาดเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว ส่งผลให้เกิดความแตกแยกทั้งภายในภูมิภาคและในหมู่มหาอำนาจโลก รวมทั้งปิดกั้นความพยายามยุติวิกฤตด้วยวิธีการทางการทูต
เป็นที่คาดว่า ผู้นำองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) ที่นัดประชุมฉุกเฉินกันที่เมืองเมกกะ, ซาอุดีอาระเบีย ตั้งแต่ค่ำวันอังคาร (14) จะมีมติอนุมัติการระงับการเป็นสมาชิกของซีเรียในวันพุธ แม้อิหร่าน พันธมิตรหลักของอัสซาด คัดค้านอย่างหนักก็ตาม
ความเคลื่อนไหวนี้จะทำให้ระบอบอัสซาดโดดเดี่ยวมากขึ้น หลังจากที่ซีเรียถูกตัดออกจากสันนิบาตอาหรับเมื่อปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน ริยาด ฮิจาบ อดีตนายกรัฐมนตรีซีเรียที่แปรพักตร์เมื่อต้นเดือน ปรากฏตัวต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในกรุงอัมมัน เมืองหลวงของจอร์แดน เมื่อวันอังคาร เขากล่าวในการแถลงข่าวว่า ระบอบอัสซาดกำลังล่มทั้งด้านการเงินและขวัญกำลังใจ โดยขณะนี้ควบคุมพื้นที่ในประเทศเพียงกว่า 30% เท่านั้น
แม้ไม่ได้เป็นบุคคลวงในของอัสซาด แต่ฮิจาบถือเป็นเจ้าหน้าที่พลเรือนอาวุโสที่สุดที่แปรพักตร์หลังจากเข้ารับตำแหน่งเพียง 2 เดือน จึงส่งผลสั่นสะเทือนฐานอำนาจของอัสซาดอย่างมาก
ฮิจาบไม่ได้อธิบายที่มาที่ไปของการประเมินพื้นที่ในการควบคุมของอัสซาด ถึงแม้ยังเห็นกันทั่วไปว่ารัฐบาลมีกำลังพลและอาวุธเหนือกว่ากลุ่มกบฏ และขณะนี้กองทัพซีเรียกำลังรุกไล่อย่างหนักเพื่อชิงพื้นที่ในอะเลปโปและดามัสกัสคืน
ความที่สื่อมวลชนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปทำข่าว จึงทำให้ยากที่จะประเมินพื้นที่ในการควบคุมของกลุ่มกบฏได้ กระนั้น สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมืองและเมืองใหญ่ส่วนใหญ่ตามแนวทางหลวงสำคัญจากอะเลปโปทางเหนือไปยังเดอราทางใต้ เต็มไปด้วยความรุนแรง และรัฐบาลสูญเสียพื้นที่มากมายทางพรมแดนด้านเหนือและตะวันออก
การแปรพักตร์ของฮิจาบยังทำให้วอชิงตันประกาศเมื่อวันอังคาร ถอดชื่อเขาออกจากบัญชีรายชื่อเจ้าหน้าที่ซีเรียที่ถูกคว่ำบาตรทางการเงิน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่า แม้มีเจ้าหน้าที่อาวุโสมากมายตีจากรัฐบาลซีเรีย แต่ตระกูลอัสซาดและผู้นำระดับสูงทางการทหารและความมั่นคงจะยังคงเข้มแข็ง ตราบที่กองทัพไม่แปรพักตร์ไปเข้ากับกลุ่มกบฏ
ทางด้านหนังสือพิมพ์เหรินหมินรึเป้า ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ได้ออกบทความกล่าวหาว่า พวกมหาอำนาจตะวันตกกำลังขัดขวางความพยายามในการยุติความขัดแย้งในซีเรีย
“ประเทศตะวันตกบางรายยังคงไม่ยินยอมยุติเป้าหมายที่จะทำให้เกิด 'การเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง' ขึ้นในซีเรีย และยังคงเพิ่มเติมเสริมส่งความสนับสนุนของพวกตนที่ให้แก่กองกำลังต่อต้านรัฐบาลอยู่ไม่ขาดระยะ” เหรินหมินรึเป้ากล่าว
ทั้งนี้ จีนและรัสเซียเป็นมหาอำนาจที่ยังคงหนุนหลังอัสซาด และคัดค้านความพยายามของฝ่ายตะวันตกตลอดจนชาติอาหรับที่นำโดยซาอุดีอาระเบีย ซึ่งพยายามผลักดันให้ยูเอ็นลงมติลงโทษคว่ำบาตรซีเรีย หรือกระทั่งเปิดช่องให้ฝ่ายตะวันตกสามารถส่งกำลังเข้าแทรกแซงในซีเรีย แบบเดียวกับที่เคยทำได้สำเร็จในกรณีของลิเบีย