อดีต รมว.ต่างประเทศหมีขาวชี้สงครามกลางเมืองซีเรียมี “ต่างชาติ” เอี่ยวเพียบ จวก รบ.โอบามา “แหล”

เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - เยฟเกนี พริมาคอฟ ผู้เชี่ยวชาญด้านกิจการโลกอาหรับของรัสเซีย เผยในบทสัมภาษณ์ที่มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ “รอสซีสกายา กาเซตา” วันนี้ (8) โดยระบุ ขณะนี้ได้เกิดสงครามกลางเมืองในระดับ “เต็มรูปแบบ” ขึ้นในซีเรียแล้ว และการสู้รบที่เกิดขึ้นในซีเรียมีกองกำลังจาก “ภายนอก” เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเป็นจำนวนมาก พร้อมจวกจุดยืนรัฐบาลสหรัฐฯ ของบารัค โอบามา ต่อการเปลี่ยนท่าทีแบบฉับพลันหันมาจับมือกับกลุ่มขั้วอำนาจใหม่ในชาติอาหรับเพื่อหวังผลประโยชน์ ทั้งที่สหรัฐฯ เคยหนุนรัฐบาลเผด็จการหลายแห่งในโลกอาหรับมายาวนาน

พริมาคอฟ วัย 82 ปี ซึ่งเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซียในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1996-1998 และเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านโลกอาหรับระดับแถวหน้าของแดนหมีขาวออกมาเปิดเผยว่า ขณะนี้มีข้อมูลว่าพวกทหารรับจ้างจำนวนมาก รวมถึงบรรดาอาสาสมัครจากประเทศอื่นๆ ถูกส่งเข้าไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วซีเรียเพื่อสนับสนุนกองกำลังของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล อัสซาด และบรรดานักรบต่างชาติเหล่านี้กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ

พริมาคอฟระบุว่า ขณะนี้มีหลายประเทศที่ทำหน้าที่ไม่ต่างจากการเป็น “สปอนเซอร์ใหญ่” เพื่อสนับสนุนให้เกิดการโค่นล้มระบอบการปกครองของผู้นำซีเรีย ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลกาตาร์หรือราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียที่จัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์และให้เงินสนับสนุนแก่นักรบฝ่ายต่อต้าน รวมถึงรัฐบาลตุรกีที่ก็ได้ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อฝ่ายต่อต้านในซีเรียในหลายด้าน

อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียยังระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ถือเป็นผู้สนับสนุนต่างชาติรายล่าสุดที่กระโจนเข้าร่วมวงแห่งความขัดแย้งในซีเรีย ด้วยการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ของสำนักงานข่าวกรองกลางสหรัฐฯ (ซีไอเอ) เข้าช่วยเหลือฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัสซาด ซึ่งพริมาคอฟระบุว่าเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายการ “แทรกแซงกิจการภายใน” ของรัฐอธิปไตยอย่างซีเรีย ซึ่งจะว่าไปแล้วดูจะเป็นรัฐที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ น้อยกว่าอิหร่าน และเกาหลีเหนือเสียด้วยซ้ำ

“สงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบที่มีพวกต่างชาติทำหน้าที่คอยเร่งเชื้อไฟแห่งความขัดแย้ง ได้เกิดขึ้นแล้วในแผ่นดินซีเรีย และผู้ที่ต้องได้รับผลกระทบมากที่สุดจากสงครามที่มีพวกต่างชาติอยู่เบื้องหลังนี้ก็หนีไม่พ้นพลเรือนผู้บริสุทธิ์ชาวซีเรียนั่นเอง” พริมาคอฟกล่าว

อดีตนักการทูตแถวหน้าของรัสเซียรายนี้ยังตำหนิรัฐบาลอเมริกันต่อการแสดงบทบาทในโลกอาหรับนับตั้งแต่เกิดปรากฏการณ์ลุกฮือของประชาชนเพื่อต่อต้านรัฐบาลในประเทศอาหรับหลายแห่ง ทั้งในตะวันออกกลาง และแอฟริกาเหนือ โดยพริมาคอฟระบุว่ารัฐบาลอเมริกันซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ค้ำจุน “ระบอบเผด็จการ” ของหลายประเทศในโลกอาหรับมายาวนาน กลับเลือกที่จะเปลี่ยนท่าทีแบบฉับพลันหันมาจับมือกับผู้ครองอำนาจรายใหม่ในประเทศเหล่านี้เพื่อหวังผลประโยชน์ ทันทีที่รัฐบาลวอชิงตันแน่ใจแล้วว่าระบอบการปกครองของกลุ่ม “อำนาจเก่า” ทำท่าจะไปไม่รอด เช่น กรณีการล่มสลายของระบอบการปกครองของฮอสนี มูบารัคในอียิปต์