เอเอฟพี/เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-อัตราการว่างงานของแดนกระทิงดุ สเปน พุ่งสูงขึ้นในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมาแตะระดับร้อยละ 24.63 ขณะที่ยอดแรงงานวัยหนุ่มสาวของสเปนที่ว่างงานมีถึงร้อยละ 53 แม้ในขณะนี้จะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่สเปนเคยทำเงินเข้าประเทศได้ปีละเป็นกอบเป็นกำก็ตาม ทั้งนี้เป็นการเปิดเผยตัวเลขทางเศรษฐกิจล่าสุดของรัฐบาลสเปนในวันนี้ (27)
ข้อมูลของทางการสเปนระบุว่า จำนวนผู้ไม่มีงานทำในสเปนล่าสุดมีเกือบ 5.7 ล้านคนแล้ว และในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายนที่ผ่านมายังมีคนตกงานอีกราว 53,500 คน ส่งผลให้อัตราการว่างงานของสเปนในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้เพิ่มร้อยละ 24.63 สูงขึ้นจากช่วงไตรมาสแรกซึ่งตัวเลขการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 24.4 ทำให้สเปนกลายเป็นประเทศที่มีอัตราการว่างงานสูงที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับบรรดาประเทศอุตสาหกรรมด้วยกัน
แต่ที่เลวร้ายยิ่งกว่า คือ อัตราการว่างงานในหมู่คนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ในแดนกระทิงดุ หรือผู้ที่มีอายุระหว่าง 16-24 ปี ซึ่งล่าสุดมีถึงร้อยละ 53.27 ในไตรมาสที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 52.01
นอกจากนั้น จำนวนครัวเรือนของสเปนที่สมาชิกทุกคนในบ้านเป็นผู้ว่างงาน ล่าสุดมีมากกว่า 1.73 ล้านครอบครัวแล้ว หลังจากสเปนต้องเผชิญกับภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจเป็นครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาเพียง 4 ปี รวมถึงภาวะ “ฟองสบู่แตก”ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งช่วยซ้ำเติมตัวเลขด้านแรงงานให้เลวร้ายยิ่งขึ้น
การประกาศตัวเลขด้านแรงงานล่าสุดของสเปน มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีมาเรียโน ราฮอย ประกาศจะตัดลดการใช้จ่ายภาครัฐ เพื่อประหยัดงบประมาณให้ได้ราว 65,000 ล้านยูโร (ราว 2.5 ล้านล้านบาท) ภายใน 3 ปี รวมถึงเตรียมพิจารณาขึ้นภาษี ท่ามกลางกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่ามาตรการดังกล่าวจะยิ่งซ้ำเติมชาวสเปนให้ต้องมีชีวิตอย่างยากลำบากยิ่งกว่าเดิม