เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุความรุนแรงทางเชื้อชาติ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียที่ดำเนินมานานกว่า 4 วันได้เพิ่มเป็นอย่างน้อย 35 รายแล้ว ขณะที่ประชาชนอีกอย่างน้อย 170,000 คนต้องละทิ้งบ้านเรือนและหนีออกนอกพื้นที่
รายงานข่าวซึ่งอ้างฮากรามา โมฮิลารี เจ้าหน้าที่ระดับสูงในเขตปกครองโบโดแลนด์ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของแคว้นอัสสัม ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ระบุว่า เหตุรุนแรงระหว่างชนเผ่าพื้นเมือง “โบโด” ซึ่งส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู กับชาวมุสลิมในพื้นที่ที่เริ่มปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อวันศุกร์ (20)ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วอย่างน้อย 35 ราย ขณะที่ชาวบ้านกว่า 170,000 คนต้องหนีไปอาศัยตามศูนย์พักพิงชั่วคราว ตามโรงเรียน รวมถึงสถานที่ราชการต่างๆ เพื่อความปลอดภัย โดยมีรายงานว่าเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้ถูกสังหารไปแล้วถึง 9 คน
ด้านนายกรัฐมนตรีมันโมหัน ซิงห์ของอินเดีย ออกโรงเรียกร้องให้มีการยุติการใช้ความรุนแรงในพื้นที่โดยเร็ว ขณะที่กระทรวงมหาดไทยของอินเดียเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงลงพื้นที่แคว้นอัสสัมเพื่อดูแลแผนรักษาความสงบเรียบร้อย
ขณะที่สำนักข่าวเพรสส์ ทรัสต์ ออฟ อินเดีย รายงานว่า สาเหตุของความรุนแรงระลอกล่าสุดนี้เกิดจากแกนนำนักศึกษามุสลิม 2 รายถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ระหว่างที่เดินทางเข้าไปในเขตของชนเผ่าโบโด จุดชนวนให้ชาวมุสลิมในพื้นที่คิดว่าชนเผ่าพื้นเมืองดังกล่าวเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ทำให้เกิดการแก้แค้นจนเหตุการณ์บานปลาย
ทั้งนี้ ข้อมูลของทางการอินเดียระบุว่าจำนวนประชากรของชนเผ่าโบโดในแคว้นอัสสัมมีประมาณ 1.2 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 5.3 ของประชากรทั้งหมดของแคว้นดังกล่าว และตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้เกิดความขัดแย้งถึงขั้นใช้กำลังระหว่างชนเผ่าโบโดกับชาวมุสลิมอยู่บ่อยครั้ง