เดอะซัน/เดลิเมล์ - หนูน้อยชาวอินโดนีเซียป่วยเป็นโรคหายาก ส่งผลให้หัวของเธอบวมโป่งและมีขนาดใหญ่กว่าศีรษะผู้ใหญ่ทั่วไปถึง 3 เท่า ส่วนครอบครัวก็ยากจนไม่มีปัญญาพาไปรักษาจนอาการลุกลาม ทำให้ผู้เป็นแม่ได้แต่อ้อนวอนปาฏิหาริย์ขอให้ลูกได้มีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อไป
เด็กหญิงดิลลา อนาร์เกีย อดิลลา วัย 3 ขวบ ลืมตาดูโลกพร้อมกับภาวะน้ำคั่งในโพรงสมอง อาการที่พบเห็นไม่บ่อยนักซึ่งจะไปปิดกั้นเส้นทางของน้ำหล่อสมองสู่ไขสันหลัง และด้วยของเหลวที่สะสมในโพรงสมองที่มากเกินไปก็ส่งผลให้ศรีษะของเธอโตในอัตราที่ผิดปกติ
รายงานข่าวของเดลิเมล์ระบุว่า ตอนที่คลอดใหม่ๆ เด็กหญิงอดิลลาก็มีศีรษะใหญ่กว่าขนาดของทารกทั่วไปเพียงเล็กน้อย แต่พอเวลาผ่านพ้นไป ศีรษะของเธอก็โตขึ้นเรื่อยๆ และจนถึงตอนนี้วัดจากหูข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง กว้างถึง 100 เซนติเมตรเลยทีเดียว
ด้วยสภาพที่อ่อนเพลียจากร่างกายที่ผิดปกติ ส่งผลให้หนูน้อยอดิลลาไม่สามารถเดินหรือพูดเป็นประโยคยาวๆได้ นอกจากนี้แล้วเธอยังมองเห็นพร่ามัวและขาลีบ อย่างไรก็ตาม เธอได้รับการดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีจากอันวาร์ อนาส บิดาวัย 31 ปี และปัสปิตา มารดาวัย 28 ปี และปาซิรา พี่สาววัย 7 ขวบ ณ บ้านของครอบครัวที่เมืองโบกอร์ อินโดนีเซีย
โรคประหลาดนี้มีโอกาสเกิดขึ้นกับทารกเพียงแค่ 1 ใน 500 เท่านั้น แต่เคยมีการรักษาจนหายในอังกฤษ ผ่านกระบวนการผ่าตัดประมาณ 2 ชั่วโมง
ด้วยที่นายอนาส ประกอบอาชีพคนขับรถและมีรายได้เพียงแค่ราว 1.36 ปอนด์ต่อวัน (ราว 70 บาท) จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะรวบรวมเงินเพียงพอสำหรับเป็นค่ารักษาพยาบาล แต่ในที่สุดแล้วครอบครัวนี้ก็ได้รับความช่วยเหลือจากทางการ
อย่างไรก็ตาม เวลานี้คณะแพทย์ในอินโดนีเซีย ยังลังเลที่จะดำเนินการผ่าตัดให้หนูน้อย เนื่องจาก ดิลลา ได้รับความเสียหายทางสมองอย่างรุนแรง เหตุเพราะการรักษาที่ล่าช้า “เราไม่มั่นใจว่ามันจะมีปาฏิหาริย์หรือไม่ เราก็ได้แค่หวังและท้ายที่สุด มันก็ขึ้นอยู่กับพระเจ้าแล้วละ” คุณแม่ของหนูน้อยกล่าว