เอเอฟพี - รัฐบาลสหรัฐฯ มีถ้อยแถลงประณาม “การตัดสินใจที่น่าผิดหวัง” ของจีนและรัสเซีย ซึ่งใช้สิทธิ์วีโต้มติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่จะคว่ำบาตรประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียเป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 9 เดือน
เจย์ คาร์นีย์ โฆษกประจำตัวประธานาธิบดีบารัค โอบามา แถลงสรุปที่ทำเนียบขาวว่า การสนับสนุนระบอบซีเรียถือเป็นความผิดพลาด และเป็น “การตัดสินใจที่น่าผิดหวัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อมุมมองที่ชาวซีเรียมีต่อทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งดึงดันคัดค้านมติยูเอ็นมานานแล้ว”
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอนาคตของซีเรียจะต้องไม่มีบาชาร์ อัล-อัสซาด เวลาของเขาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงท่าทีต่อไปของสหรัฐฯ หลังจากที่มติยูเอ็นถูกคว่ำลงไป โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แพทริก เวนเทรลล์ ระบุว่า สหรัฐฯ “ยังพิจารณาทุกทางเลือกที่มีอยู่” เพื่อนำไปสู่การผ่องถ่ายอำนาจในซีเรีย โดยบทลงโทษของยูเอ็นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์เท่านั้น
ด้าน ซูซาน ไรซ์ ผู้แทนสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ออกมาแถลงด้วยคำพูดที่รุนแรงก่อนหน้านั้นว่า คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น “ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง” กับปัญหาซีเรีย
“เราจะประสานความร่วมมือกับหุ้นส่วนทุกฝ่ายภายนอกคณะมนตรีความมั่นคงฯ เพื่อกดดันระบอบอัสซาด และส่งความช่วยเหลือไปยังผู้ที่เดือดร้อน” ไรซ์เผย
“คณะมนตรีความมั่นคงฯ ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในวาระอันสำคัญที่สุดสำหรับปีนี้” เธอกล่าว พร้อมตำหนิจีนและรัสเซียที่พยายามขัดขวางมิให้อัสซาดถูกลงโทษ
ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ยังเกิดความกังวลว่ารัฐบาลอัสซาดอาจตัดสินใจนำอาวุธเคมีออกมาถล่มผู้ต่อต้าน หลังจากที่ นาวาฟ ฟาเรส อดีตทูตซีเรียประจำอิรัก ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีเมื่อวันจันทร์ (16) ว่า ตนมั่นใจว่าอัสซาดจะนำอาวุธดังกล่าวออกมาใช้แน่นอน หากถูกต้อนจนมุม
การใช้สิทธิ์วีโต้ของรัสเซียและจีนสะท้อนข้อขัดแย้งที่รุนแรงภายในคณะมนตรีความมั่นคงฯ ซึ่งพยายามชี้ตัวต้นเหตุที่ทำให้องค์กรระหว่างประเทศแห่งนี้ไม่สามารถใช้อำนาจยับยั้งเหตุนองเลือดในซีเรียได้
สมาชิกคณะมนตรีฯ 11 ชาติโหวตสนับสนุนมติคว่ำบาตรซีเรีย ขณะที่จีนและรัสเซียคัดค้าน ส่วนปากีสถานและแอฟริกาใต้ของดออกเสียง และเนื่องจากจีนและรัสเซียเป็นสมาชิกถาวร จึงสามารถร่วมหัวคัดค้านมติต่างๆได้เสมอ