เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลออกมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ของญี่ปุ่น อาจเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งมากถึง 1,300 คนทั่วโลก ทั้งนี้เป็นข้อมูลจากผลการศึกษาล่าสุดซึ่งพบว่า หายนะด้านนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้น ณ โรงไฟฟ้าแห่งดังกล่าวที่อยู่ภายใต้การควบคุมของบริษัทโตเกียว อิเล็กทริก เพาเวอร์ (เท็ปโก) มีความร้ายแรงมากกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้
ผลการศึกษาของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดในสหรัฐฯ ระบุว่า หายนะด้านนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน มี.ค. 2011 อาจส่งผลให้มีผู้ที่ต้องล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งชนิดต่างๆ สูงถึง 2,500 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในญี่ปุ่น ขณะที่จำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากมะเร็งเพราะผลสืบเนื่องจากการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจินั้นคาดว่าอาจมีสูงถึง 1,300 ราย
มาร์ก เจค็อบสัน หนึ่งในทีมวิจัยเผยว่า อัตราการเสียชีวิตและเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งอาจสูงกว่านี้อย่างน้อย 10 เท่าตัว ถ้าหากกัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิส่วนใหญ่ไม่ได้รั่วไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกไปเสียก่อน เนื่องจากการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีที่ถือว่ามีอันตรายต่อมนุษย์มากที่สุด คือ การรั่วไหลแพร่กระจายในอากาศนั่นเอง
“ถือเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างยิ่งยวดที่กัมมันตภาพรังสีกว่าร้อยละ 81 ที่รั่วไหลออกมาที่ฟูกูชิมะได้แพร่ลงสู่มหาสมุทร แทนที่จะเป็นในอากาศ” เจค็อบสัน ซึ่งเป็นศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อมแห่งมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดกล่าว
ทั้งนี้ วิกฤตที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ไดอิจิถือเป็นหายนะด้านนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดของโลกนับตั้งแต่เหตุการณ์ที่เชอร์โนบิลในยูเครนเมื่อปี 1986 โดยข้อมูลของทางการญี่ปุ่นระบุว่า ต้องมีการอพยพประชาชนกว่า 160,000 คนที่อาศัยอยู่รอบโรงไฟฟ้าดังกล่าวออกนอกพื้นที่ โดยในจำนวนดังกล่าวมีกว่า 600 คนที่ต้องเสียชีวิตในระหว่างการอพยพ ขณะที่พื้นที่ราว 132 ตารางกิโลเมตรยังคงถูกปิดกั้นห้ามเข้าเด็ดขาดโดยไม่มีกำหนดจนถึงขณะนี้ นอกจากนั้น ทางการญี่ปุ่นยังคงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีในการกำจัดการปนเปื้อนทั้งในดิน แหล่งน้ำ และสถานที่ต่างๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ
