เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เกิดเหตุเรือยอชต์สัญชาติรัสเซียลำหนึ่งที่กำลังอยู่ในระหว่างภารกิจเดินทางรอบโลก มีอันต้องเผชิญกับปรากฏการณ์ประหลาดขณะติดอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้ายในน่านน้ำชื่อดัง “สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา” ในมหาสมุทรแอตแลนติก นอกชายฝั่งทวีปอเมริกาเหนือ เคราะห์ดีที่ลูกเรือทุกรายปลอดภัยรอดชีวิตมาได้
รายงานข่าวระบุว่า เรือยอชต์ลำดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า “สกอร์ปิอุส” และจดทะเบียนไว้ที่เมืองโซชิ เมืองท่าริมชายฝั่งทะเลดำของรัสเซียกำลังเดินทางมุ่งหน้าไปยังประเทศไอซ์แลนด์ ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ในขณะที่เรือแล่นผ่านน่านน้ำ “สามเหลี่ยมเบอร์มิวดา” ซึ่งหมายถึงน่านน้ำที่อยู่ระหว่างมลรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เกาะเบอร์มิวดาของอังกฤษ และเกาะเปอร์โตริโกของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมานั้น จู่ๆ ก็มีฟ้าผ่าลงมากลางลำเรือ จากนั้นสภาพอากาศก็เริ่มแปรปรวน และมีปรากฏการณ์ประหลาดหลายอย่างเกิดขึ้น
กัปตัน เซอร์เก นิซอฟต์เซฟ เผยว่า หลังจากที่เรือของเขาแล่นเข้าสู่น่านน้ำอาถรรพ์ดังกล่าวไม่นาน ก็ต้องเผชิญกับพายุใหญ่ ขณะที่อุปกรณ์นำร่อง โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม รวมถึงการเชื่อมต่อทางอินเทอร์เน็ต และอุปกรณ์อีกหลายชิ้นบนเรือ ต่างทำงานขัดข้องขึ้นมาพร้อมๆ กันโดยไม่ทราบสาเหตุ นอกจากนั้นยังเกิดปรากฏการณ์น้ำวนขึ้นหลายจุดไม่ไกลจากเรือ รวมถึง มีลูกเรือเห็นกลุ่มเมฆพวยพุ่งขึ้นจากมหาสมุทรในแนวตั้งคล้ายกับกำแพงหมอกควันขนาดใหญ่และมีวงกลมประหลาดเรืองแสงอยู่เหนือพื้นน้ำก่อนหายวับไป
อย่างไรก็ดี กัปตันนิซอฟต์เซฟเผยว่า เขาและลูกเรือสามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ประหลาดดังกล่าวมาได้ หลังจากใช้ความพยายามอยู่พักใหญ่ในการเดินเครื่องเรือแบบเต็มกำลัง พร้อมยืนยันทุกคนบนเรือต่างยังเชื่อมั่นว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติเท่านั้น มิใช่เรื่องเหนือธรรมชาติเกี่ยวกับตำนานสามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1918 เป็นต้นมามีการบันทึกข้อมูลว่า เครื่องบิน และเรือจำนวนหลายสิบลำหายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อแล่นเข้ามาในน่านน้ำแถบนี้ โดยเฉพาะกรณีของเรือยูเอสเอส โพรเทอุส พร้อมลูกเรือ 58 คนที่หายไปอย่างเป็นปริศนาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 1941 รวมถึงเรือมารีน ซัลเฟอร์ ควีน กับลูกเรือ 39 ชีวิตที่หายไปในต้นเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1963