เอเอฟพี - ผลผลิตทางการเกษตรจากฟาร์มทั่วโลกจะต้องเพิ่มขึ้นถึง 60 เปอร์เซ็นต์ภายในปี 2050 เพื่อตอบสนองสนองการบริโภคของประชากรที่เพิ่มขึ้น แต่การเพิ่มผลผลิตที่ว่านี้ควรกระทำอย่างยั่งยืนที่สุด องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) แถลงร่วมกันวานนี้(11)
"สิ่งสำคัญที่สุดน่าจะเป็นเรื่องของความสามารถด้านการผลิต" แองเจล เกอร์เรีย ประธานโออีซีดี แถลงต่อสื่อมวลชนที่กรุงโรมของอิตาลี โดยอธิบายว่า พื้นที่การเกษตรนั้นจะเพิ่มขึ้นอีกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
"มันเป็นปัญหาที่ค่อนข้างท้าทาย เพราะทรัพยากรที่หาได้มีจำกัด และเราเองก็ไม่ได้ใช้มันอย่างชาญฉลาดนัก" เขากล่าว พร้อมอธิบายว่า พื้นที่การเกษตรร้อยละ 25 ของโลกอยู่ในสภาพ "เสื่อมโทรมอย่างหนัก" เนื่องจากถูกใช้งานหนักเกินไป
โฮเซ กราเซียโน ดา ซิลวา ผู้อำนวยการองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ ระบุว่า ทั่วโลกจำเป็นต้องหาทางเพิ่มผลผลิตด้วยวิธีที่ใหม่และยั่งยืน
"เราไม่สามารถเพิ่มผลผลิตด้วยแนวทางที่เคยใช้กันมาในอดีต เราต้องทำให้ผลผลิตทางการเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา และเกษตรกรรายย่อย" กราเซียโน แถลง
องค์การระหว่างประเทศทั้ง 2 แห่งระบุว่า การเพิ่มจำนวนผลผลิตขึ้นอยู่กับประเทศกำลังพัฒนาเป็นหลัก แต่จะไม่เฟื่องฟูเท่าช่วงไม่กี่ปีก่อน
"ผลผลิตที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะประเทศแถบละตินอเมริกา-แคริบเบียน และแอฟริกาตอนใต้ ซึ่งเป็น 2 ภูมิภาคที่มีศักยภาพด้านการเกษตรสูงกว่าพื้นที่อื่นๆในปัจจุบัน" กราเซียโน เผย
เอฟเอโอ และ โออีซีดี ระบุในรายงานว่า ผลผลิตทางการเกษตรของโลกเพิ่มขึ้นประมาณ 2% ต่อปี ตลอดช่วงไม่กี่ทศวรรษที่แล้ว แต่คาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะลดลงเหลือเพียง 1.7% นับจากนี้ กระนั้นก็ตาม อัตราดังกล่าวยังคงสูงกว่าแนวโน้มการเพิ่มของประชากร ซึ่งแปลว่าผลผลิตทางการเกษตรต่อหัวจะยังคงเพิ่มขึ้น 0.7% ทุกปี
ทั้งนี้ การคำนวณของ เอฟเอโอ และ โออีซีดี ยังมิได้คำนึงถึงการขยายตัวของพลังงานชีวภาพ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า ผลิตภัณฑ์ประเภทไบโอเอทานอลและไบโอดีเซลจะเพิ่มขึ้นอีกเกือบเท่าตัว ภายในปี 2021
กราเซียโน ระบุว่า ดัชนีราคาอาหารของ เอฟเอโอ ลดลงเรื่อยๆในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และในเดือนมิถุนายนปีนี้ ดัชนีราคาอาหารต่ำกว่าเมื่อปี 2001 ถึง 12%
"แต่เรายังเล็งเห็นถึงความไม่แน่นอน เพราะข้อมูลเบื้องต้นบ่งชี้ว่า ดัชนีราคาอาหารอาจจะเพิ่มขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า"
"ในอีก 10 ปี เราคาดว่าราคาอาหารน่าจะลดลง หรือคงอยู่ที่ระดับปัจจุบัน แต่โดยเฉลี่ยแล้วจะยังสูงกว่าทศวรรษที่ก่อนประมาณ 10-30%"
