เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์ - กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เผย เศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนั้นจะมีการเติบโตเพียงแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ และอาจโตเพียง 2.25 เปอร์เซ็นต์ในปีหน้า เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตหนี้สินในยุโรป รวมถึงการฟื้นตัวอย่างเชื่องช้าของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เอง
แถลงการณ์ของไอเอ็มเอฟเมื่อวันอังคาร (3) ระบุว่า สหรัฐฯ ยังคงตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจจากผลของวิกฤตที่เกิดขึ้นในยุโรป และความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนการด้านการเงินการคลังภายในของสหรัฐฯ เอง ทำให้ต้องมีการปรับเป้าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ลง จากเดิมที่ไอเอ็มเอฟเคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปีนี้อาจจะเติบโต 2.1 เปอร์เซ็นต์ และในปีหน้าอีก 2.4 เปอร์เซ็นต์
ด้าน คริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ชาวฝรั่งเศส วัย 56 ปี ออกมาเปิดเผยที่สำนักงานใหญ่ไอเอ็มเอฟในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยเตือนว่านอกเหนือจากผลพวงจากปัญหาในยุโรปแล้ว ความไม่ชัดเจนในด้านการเงินการคลังของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการที่นักการเมืองทั้งพรรคเดโมแครต และรีพับลิกันในสภาคองเกรสยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลกลางได้นั้นยังถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาพรวมได้เช่นกัน เนื่องจากแทบไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะมีประเทศใดในโลกสามารถสร้างความเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยที่มีหนิ้สินก้อนโตพอกพูนอยู่
ทั้งนี้ ข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ตัวเลขหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 15.85 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 498 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนหนี้สินที่สูงถึง 103 เปอร์เซ็นต์ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)