เอเจนซีส์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - แม็คคลาวด์ รัสเซล บริษัทผู้ปลูกชารายใหญ่ที่สุดของโลก คาดการณ์อาจสร้างสถิติการเติบโตด้านผลกำไรสูงที่สุดในรอบ 4 ปี สาเหตุหลักมาจากความนิยมในการบริโภคชาที่เพิ่มสูงขึ้น และการที่ผลผลิตชาในตลาดโลกลดจำนวนลงจนส่งผลให้กลไกด้านราคาขยับตัวสูงขึ้น
คามาล บาเหติ ประธานฝ่ายการเงินของผู้ผลิตชารายใหญ่ซึ่งมีฐานอยู่ที่นครกัลกัตตาของอินเดีย เผยเมื่อวันจันทร์ (2) โดยระบุรายได้สุทธิของแม็คคลาวด์ รัสเซล อาจเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์ในปีการเงินที่สิ้นสุดไปเมื่อ 31 มีนาคม โดยที่กำไรของบริษัทอาจสูงถึง 3,450 ล้านรูปี (1,985 ล้านบาท) พร้อมระบุมีความเป็นไปได้ที่ราคาของชาอาจเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 25 รูปี (ราว 14.40 บาท) ต่อกิโลกรัม ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว โดยบาเหติระบุว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาชาปรับตัวสูงขึ้นเป็นเพราะสภาพอากาศที่แห้ง ส่งผลให้ผลผลิตชา โดยเฉพาะ “ชาจีน” จากแหล่งผลิตสำคัญอย่างเคนยา และศรีลังกาลดน้อยลง
รายงานข่าวระบุว่า การผลิตชาในประเทศเคนยา ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา ซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นผู้ส่งออกชาจีนที่ใหญ่ที่สุดของโลกได้ร่วงลงมาถึง 14 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 127.8 ล้านกิโลกรัมเท่านั้น ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่ในศรีลังกาที่เป็นหนึ่งในผู้ส่งออกชารายใหญ่ที่สุด ก็มีปริมาณชาในปีนี้ลดลง 3.8 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 135.6 ล้านกิโลกรัม เนื่องจากเหตุผลด้านสภาพอากาศ
ด้านองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ออกมาเปิดเผยว่า อัตราการบริโภคชาในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีก 21 เปอร์เซ็นต์ภายในปี ค.ศ. 2021 โดยในส่วนของอินเดียนั้นถือเป็นประเทศที่มีการบริโภคชาสูงเป็นอันดับที่ 2 ของโลกรองจากสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยปริมาณชาที่ถูกบริโภคในอินเดียในปี 2011 ที่ผ่านมามีถึง 856 กิโลกรัม