เอเจนซีส์ - ไซปรัสกลายเป็นสมาชิกชาติที่ 5 ของยูโรโซน ที่ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน โดยก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมง สเปนเพิ่งยื่นเรื่องอย่างเป็นทางการขอเงินกู้เพิ่มทุนแบงก์ ขณะที่สถานการณ์ในกรีซยังคงสับสน ล่าสุดว่าที่ขุนคลังคนใหม่ขอลาออกเนื่องจากปัญหาสุขภาพ มิหนำซ้ำนายกฯ ยังไม่สามารถไปร่วมซัมมิตอียูปลายสัปดาห์นี้ได้ และเบอร์ลินยืนกรานจะไม่มีการพิจารณาปรับเงื่อนไขเงินกู้ของเอเธนส์ รวมทั้งคัดค้านข้อเสนอแบ่งปันภาระหนี้
วันจันทร์ที่ผ่านมา (25) ไซปรัสตามรอยกรีซ ไอร์แลนด์ โปรตุเกส และสเปน ในการขอเงินช่วยเหลือจากสหภาพยุโรป (อียู) เท่ากับว่ากว่า 1 ใน 4 ของ 17 ชาติสมาชิกยูโรโซนขณะนี้ต่างอัดกันอยู่ใน “ห้องไอซียู” โดยรายต่อไปอาจเป็นอิตาลีซึ่งกำลังเผชิญกับต้นทุนการกู้ยืมที่พุ่งทะยานรุนแรง
ไซปรัสมีเวลาเหลือเพียง 4 วันในการระดมทุนอย่างน้อย 1,800 ล้านยูโร หรือ 10% ของมูลค่าจีดีพีของตน เพื่อให้ทันเส้นตายในการเพิ่มทุนให้แก่ ไซปรัส ป็อปปูลาร์ แบงก์ ธนาคารอันดับ 2 ของประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้กรีซ นอกจากนี้ไซปรัสยังต้องการเงินอัดฉีดงบประมาณแผ่นดินที่อยู่ในสภาพขาดดุล โดยจะระบุมูลค่าความช่วยเหลือที่ต้องการหลังจากนี้
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ ฟิตช์หนึ่งในบริษัทเครดิตเรตติ้งยักษ์ใหญ่ของโลก ประกาศลดอันดับพันธบัตรรัฐบาลไซปรัสลงอยู่ที่ BB+ ซึ่งเป็นระดับ “ขยะ” ขณะที่โอกาสของไซปรัสในการระดมเงินในตลาดทุนด้วยตนเองถูกปิดตาย หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งโด่งเป็นตัวเลขสองหลักก่อนหน้านี้
สำหรับกรีซ ชาติเพื่อนบ้านที่ใช้ภาษาและวัฒนธรรมร่วมกัน และมีสัมพันธ์ทางการเมืองใกล้ชิดกับไซปรัส ก็กำลังเข้าสู่ภาวะปั่นป่วนอีกครั้งหลังจากวาสซิลิส ราปานอส ผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีคลังคนใหม่ แต่ยังไม่ทันสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ได้ยื่นใบลาออกเสียแล้วเมื่อวันจันทร์โดยอ้างเหตุผลด้านสุขภาพ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแอนโทนิส ซามาราส ที่ต้องการเจรจาปรับเปลี่ยนเงื่อนไขเงินกู้ ก็ไม่สามารถเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดอียูปลายสัปดาห์นี้ได้ เนื่องจากเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดตา
ทั้งหมดนี้ทำให้คณะผู้แทนจากอียู ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เลื่อนการเดินทางไปเอเธนส์เพื่อตรวจสอบความคืบหน้าในการปฏิรูปออกไปไม่มีกำหนด จากเดิมที่ต้องเดินทางถึงตั้งแต่วันจันทร์
วันเดียวกันนั้น สเปนร้องขอเงินกู้อย่างเป็นทางการ 100,000 ล้านยูโรเพื่ออุ้มภาคการธนาคารตามที่ตกลงไว้ในที่ประชุมรัฐมนตรีคลังยูโรโซนเมื่อวันที่ 9 ที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะเปิดเผยตัวเลขสุดท้ายที่ต้องการในขั้นตอนถัดไป พร้อมยืนยันว่าต้องการลงนามบันทึกความเข้าใจในวันที่ 9 เดือนหน้า
อนึ่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว บริษัทตรวจสอบบัญชีอิสระสองแห่งเปิดเผยว่า แบงก์สเปนต้องการเงินทุน 62,000 ล้านยูโร ขณะที่นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า เงินอัดฉีดภาคการธนาคารเป็นบทโหมโรงที่จะนำไปสู่การขอเงินกู้เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจสเปนทั้งระบบ
สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงของสเปนส่งผลให้ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส อีก 1 บริษัทเครดิตเรตติ้งรายยักษ์ของโลก ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือแบงก์ 28 จาก 33 แห่งของแดนกระทิงดุ 1-4 ขั้นเมื่อวันจันทร์ หลังจากที่ลดเรทติ้งพันธบัตรรัฐบาลสเปนเหนือระดับขยะไปตั้งแต่เมื่อต้นเดือน
ในส่วนการประชุมผู้นำยุโรป 2 วันที่จะเริ่มต้นในวันพฤหัสฯ (28) นั้น โฆษกรัฐบาลเยอรมนีออกตัวแล้วว่า จะไม่มีการตัดสินใจเกี่ยวกับการทบทวนเงื่อนไขเงินกู้ของกรีซ
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ยังดับความหวังที่จะเห็นเบอร์ลินไฟเขียวการออกพันธบัตรยูโร โดยระบุว่า การแบ่งปันความรับผิดชอบหนี้ในยูโรโซนเป็นทางเลือกที่ผิดและส่งผลลบต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปนพยายามผลักดันขั้นตอนในการรับผิดชอบหนี้ร่วมกันผ่านการรับประกันเงินฝาก กองทุนฟื้นฟูแบงก์ร่วม และการออกพันธบัตรยูโร แต่ผู้นำเมืองเบียร์ไม่มีวี่แววโอนอ่อนผ่อนตาม เว้นแต่สมาชิกยูโรโซนจะยอมให้สถาบันต่างๆ ของอียูเข้าตรวจสอบงบประมาณและนโยบายเศรษฐกิจของแต่ละชาติ
ล่าสุด มีรายงานจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ว่า ในซัมมิตครั้งนี้ ผู้นำยุโรปจะหารือเพื่อให้อำนาจอียูแก้ไขงบประมาณของประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามกฎการคลัง และส่งต่อให้สมาชิกทั้งหมดโหวต
ผู้ร่างข้อเสนอนี้ประกอบด้วยเฮอร์มาน ฟาน รอมปุย ประธานคณะมนตรียุโรป, โฮเซ่ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป, มาริโอ ดรากี ประธานอีซีบี และฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานรัฐมนตรียูโรโซน
นอกจากนั้น ช่วงค่ำวันอังคาร รัฐมนตรีคลัง 4 ชาติใหญ่ของยูโรโซน ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี และสเปน จะร่วมหารือเพื่อลดประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับวิธีการจัดการวิกฤตระยะสั้น และข้อเสนอการรวมตัวทางการคลังและการธนาคารระยะยาว เพื่อเตรียมการสำหรับซัมมิตในวันพฤหัสบดี
