เอเจนซี - บรรดาผู้นำโลกที่หายใจทั่วท้องขึ้น หลังจากพรรคที่สนับสนุนข้อตกลงเงินกู้ชนะเฉียดฉิวในการเลือกตั้งกรีซ เล็งเพิ่มการกดดันยุโรปให้เผยกลยุทธ์ในการปกป้องยูโรและยุติวิกฤตการเงิน ในระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่ม จี-20 ที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ (18) ที่เม็กซิโก
ผู้นำจาก 20 ประเทศอุตสาหกรรมและประเทศกำลังพัฒนาชั้นนำที่มีผลผลิตทางเศรษฐกิจรวมกันกว่า 80% ของโลกเหล่านี้ เริ่มต้นการประชุม 2 วันที่ โลสกาโบส ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันจันทร์ โดยให้ความสำคัญที่สุดกับเรื่องการสร้างการเจริญเติบโตและสร้างงานเพื่อฟื้นเศรษฐกิจโลกที่กำลังหมดไฟ
ความรุนแรงที่ลุกลามในซีเรียจะเป็นอีกหนึ่งจุดสนใจ เมื่อผู้นำสหรัฐฯ พบกับประมุขรัสเซียในการประชุมรอบนอกในวันจันทร์
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดจะอยู่ที่ความคืบหน้าของยุโรปในการหาทางแก้ไขวิกฤตหนี้สิน เนื่องจากแม้กรีซเพิ่งคลี่คลายสถานการณ์ความไม่แน่นอนอีกเปราะหนึ่งเกี่ยวกับอนาคตของสกุลเงินยูโรไปได้ ทว่าบรรยากาศผ่อนคลายในตลาดการเงินก็ยังอาจจะจางหายไปได้อย่างรวดเร็ว
บรรดาผู้นำจี-20 ปรารถนาที่จะได้รับความมั่นใจว่า ยุโรปกำลังเดินหน้าไปตามโรดแมปซึ่งมีการกำหนดกรอบเวลาเอาไว้อย่างแน่นอน ในการบรรลุการก่อตั้งสหภาพการคลังและการเมือง เพื่อเป็นการเสริมปราการป้องกันสหภาพการเงิน ทว่าทางพวกผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ดูเหมือนยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องเหล่านี้ ก่อนหน้าการประชุมสุดยอดของพวกเขากันเองตอนปลายเดือนนี้
ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ของจีนให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สมาชิกจี-20 ควรร่วมมือกันจัดการกับวิกฤตหนี้สินนี้อย่างสร้างสรรค์ กระตุ้นและสนับสนุนความพยายามของยุโรปในการแก้ปัญหา และส่งสัญญาณความเชื่อมั่นไปยังตลาด
ขณะที่ จุน อาสึมิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นรับลูกว่า จีนและญี่ปุ่นเห็นพ้องว่ายูโรโซน โดยเฉพาะเยอรมนี ควรพยายามมากขึ้น เนื่องจากเสถียรภาพของยุโรปเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น
ทว่า โรเบิร์ต เซลลิก ประธานธนาคารโลก มีท่าทีแข็งกร้าวกว่า โดยเรียกร้องว่า นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ และเตือนยุโรปไม่ให้ละทิ้งโอกาสนี้ในการใช้มาตรการเด็ดขาด
“อันตรายที่เราก่อขึ้นคืออันตรายจากการที่ผู้วางนโยบายทำให้สถานการณ์ไม่แน่นอนมากขึ้นและทำให้ตลาดตื่นตระหนก ซึ่งนำไปสู่วงจรปฏิกิริยาตอบกลับแง่ลบ”
วิกฤตหนี้ยุโรปตอกย้ำความจำเป็นที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะต้องมีเงินกองทุนไว้รับมือกับปัญหาที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยผู้นำจี-20 มีกำหนดที่จะยืนยันว่าพวกเขาจะอัดฉีดเงินให้ไอเอ็มเอฟเพิ่มอีก 1 เท่าตัว ซึ่งก็คืออีก 430,000 ล้านดอลลาร์ ถึงแม้พวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่บางแห่ง ยังคงแสดงไม่พอใจ ที่การลงขันเพิ่มขึ้นของพวกเขา ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการที่พวกเขามีสิทธิ์ออกเสียงในไอเอ็มเอฟมากขึ้น
ระหว่างการประชุมซัมมิตคราวนี้ คาดหมายกันด้วยว่า ผู้นำจี-20 จะให้การรับรองแผนปฏิบัติการ โลสกาโบส เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงาน ตลอดทั้งการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการส่งเสริมการค้า ควบคู่ไปกับการยึดมั่นในการลดยอดขาดดุลงบประมาณ
กุยโด เวสเตอร์เวลล์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีกล่าวว่า กรีซต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขภายใต้ข้อตกลงเงินกู้ 130,000 ล้านยูโรที่ทำกับอียู/ไอเอ็มเอฟอย่างเคร่งครัด แต่เขาก็แสดงท่าทีโอนอ่อนว่า พร้อมขยายเวลาในการดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจให้แก่กรีซ
ท่าทีดังกล่าวเป็นข่าวดีสำหรับสหรัฐฯ และสมาชิกจี-20 อื่นๆ ที่เตือนว่าการลดการใช้จ่ายเร็วเกินไปอาจกระตุ้นวงจรอุบาทก์ของภาวะถดถอย ยอดขาดดุลพุ่ง ความวุ่นวายในสังคมและการเมือง และการแพร่เชื้อความเสี่ยงไปทั่วโลก
อย่างไรก็ดี แม้ขยายเวลาให้ แต่กรีซยังต้องลดยอดขาดดุลที่เป็นสาเหตุให้ประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นปีที่ 5 และดันอัตราว่างงานพุ่งโด่งทะลุ 20% ทว่า ภารกิจแรกที่ต้องดำเนินการคือการฟอร์มรัฐบาลที่ควรเสร็จสิ้นภายในไม่กี่วัน ก่อนที่อียูหรือไอเอ็มเอฟจะนัดหารือ
การประชุมที่โลสกาโบสคราวนี้ นอกจากจะมีการหารือในระดับผู้นำประเทศแล้ว ยังมีผู้นำธุรกิจจากบริษัทกว่า 400 แห่งร่วมประชุมอยู่รอบนอก และเร่งเร้าให้จี 20 มีผลการประชุมที่เป็นรูปธรรม
“ในช่วงไม่กี่วันหลังจากนี้เราจะได้เห็นว่า โลกสามารถร่วมมือกันได้หรือว่าต่างคนต่างเดิน" โรเบิร์ต กรีนฮิลล์ กรรมการผู้จัดการเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัมกล่าว
ผู้นำจาก 20 ประเทศอุตสาหกรรมและประเทศกำลังพัฒนาชั้นนำที่มีผลผลิตทางเศรษฐกิจรวมกันกว่า 80% ของโลกเหล่านี้ เริ่มต้นการประชุม 2 วันที่ โลสกาโบส ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันจันทร์ โดยให้ความสำคัญที่สุดกับเรื่องการสร้างการเจริญเติบโตและสร้างงานเพื่อฟื้นเศรษฐกิจโลกที่กำลังหมดไฟ
ความรุนแรงที่ลุกลามในซีเรียจะเป็นอีกหนึ่งจุดสนใจ เมื่อผู้นำสหรัฐฯ พบกับประมุขรัสเซียในการประชุมรอบนอกในวันจันทร์
แต่ประเด็นสำคัญที่สุดจะอยู่ที่ความคืบหน้าของยุโรปในการหาทางแก้ไขวิกฤตหนี้สิน เนื่องจากแม้กรีซเพิ่งคลี่คลายสถานการณ์ความไม่แน่นอนอีกเปราะหนึ่งเกี่ยวกับอนาคตของสกุลเงินยูโรไปได้ ทว่าบรรยากาศผ่อนคลายในตลาดการเงินก็ยังอาจจะจางหายไปได้อย่างรวดเร็ว
บรรดาผู้นำจี-20 ปรารถนาที่จะได้รับความมั่นใจว่า ยุโรปกำลังเดินหน้าไปตามโรดแมปซึ่งมีการกำหนดกรอบเวลาเอาไว้อย่างแน่นอน ในการบรรลุการก่อตั้งสหภาพการคลังและการเมือง เพื่อเป็นการเสริมปราการป้องกันสหภาพการเงิน ทว่าทางพวกผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ดูเหมือนยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องเหล่านี้ ก่อนหน้าการประชุมสุดยอดของพวกเขากันเองตอนปลายเดือนนี้
ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา ของจีนให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สมาชิกจี-20 ควรร่วมมือกันจัดการกับวิกฤตหนี้สินนี้อย่างสร้างสรรค์ กระตุ้นและสนับสนุนความพยายามของยุโรปในการแก้ปัญหา และส่งสัญญาณความเชื่อมั่นไปยังตลาด
ขณะที่ จุน อาสึมิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นรับลูกว่า จีนและญี่ปุ่นเห็นพ้องว่ายูโรโซน โดยเฉพาะเยอรมนี ควรพยายามมากขึ้น เนื่องจากเสถียรภาพของยุโรปเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็น
ทว่า โรเบิร์ต เซลลิก ประธานธนาคารโลก มีท่าทีแข็งกร้าวกว่า โดยเรียกร้องว่า นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญ และเตือนยุโรปไม่ให้ละทิ้งโอกาสนี้ในการใช้มาตรการเด็ดขาด
“อันตรายที่เราก่อขึ้นคืออันตรายจากการที่ผู้วางนโยบายทำให้สถานการณ์ไม่แน่นอนมากขึ้นและทำให้ตลาดตื่นตระหนก ซึ่งนำไปสู่วงจรปฏิกิริยาตอบกลับแง่ลบ”
วิกฤตหนี้ยุโรปตอกย้ำความจำเป็นที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) จะต้องมีเงินกองทุนไว้รับมือกับปัญหาที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยผู้นำจี-20 มีกำหนดที่จะยืนยันว่าพวกเขาจะอัดฉีดเงินให้ไอเอ็มเอฟเพิ่มอีก 1 เท่าตัว ซึ่งก็คืออีก 430,000 ล้านดอลลาร์ ถึงแม้พวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่บางแห่ง ยังคงแสดงไม่พอใจ ที่การลงขันเพิ่มขึ้นของพวกเขา ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับการที่พวกเขามีสิทธิ์ออกเสียงในไอเอ็มเอฟมากขึ้น
ระหว่างการประชุมซัมมิตคราวนี้ คาดหมายกันด้วยว่า ผู้นำจี-20 จะให้การรับรองแผนปฏิบัติการ โลสกาโบส เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงาน ตลอดทั้งการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานและการส่งเสริมการค้า ควบคู่ไปกับการยึดมั่นในการลดยอดขาดดุลงบประมาณ
กุยโด เวสเตอร์เวลล์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนีกล่าวว่า กรีซต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขภายใต้ข้อตกลงเงินกู้ 130,000 ล้านยูโรที่ทำกับอียู/ไอเอ็มเอฟอย่างเคร่งครัด แต่เขาก็แสดงท่าทีโอนอ่อนว่า พร้อมขยายเวลาในการดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจให้แก่กรีซ
ท่าทีดังกล่าวเป็นข่าวดีสำหรับสหรัฐฯ และสมาชิกจี-20 อื่นๆ ที่เตือนว่าการลดการใช้จ่ายเร็วเกินไปอาจกระตุ้นวงจรอุบาทก์ของภาวะถดถอย ยอดขาดดุลพุ่ง ความวุ่นวายในสังคมและการเมือง และการแพร่เชื้อความเสี่ยงไปทั่วโลก
อย่างไรก็ดี แม้ขยายเวลาให้ แต่กรีซยังต้องลดยอดขาดดุลที่เป็นสาเหตุให้ประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็นปีที่ 5 และดันอัตราว่างงานพุ่งโด่งทะลุ 20% ทว่า ภารกิจแรกที่ต้องดำเนินการคือการฟอร์มรัฐบาลที่ควรเสร็จสิ้นภายในไม่กี่วัน ก่อนที่อียูหรือไอเอ็มเอฟจะนัดหารือ
การประชุมที่โลสกาโบสคราวนี้ นอกจากจะมีการหารือในระดับผู้นำประเทศแล้ว ยังมีผู้นำธุรกิจจากบริษัทกว่า 400 แห่งร่วมประชุมอยู่รอบนอก และเร่งเร้าให้จี 20 มีผลการประชุมที่เป็นรูปธรรม
“ในช่วงไม่กี่วันหลังจากนี้เราจะได้เห็นว่า โลกสามารถร่วมมือกันได้หรือว่าต่างคนต่างเดิน" โรเบิร์ต กรีนฮิลล์ กรรมการผู้จัดการเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัมกล่าว
