รองเลขาฯยูเอ็นชี้สถานการณ์ซีเรียยกระดับเป็น “สงครามกลางเมือง” เต็มรูปแบบ

เอเอฟพี - รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายภารกิจรักษาสันติภาพ แอร์เว ลัดซุส ชี้ เหตุวุ่นวายในซีเรียเริ่มเข้าสู่สงครามกลางเมืองอย่างเต็มรูปแบบแล้ว ในขณะที่สหรัฐฯ แสดงความกังวลว่าภารกิจขององค์การสหประชาชาติในซีเรียอาจไปไม่รอด หลังจากที่คำสั่งหมดอายุลงในเดือนกรกฎาคมนี้

ชาติมหาอำนาจต่างเร่งเสาะแสวงหาหนทางที่จะยุติเหตุนองเลือดในซีเรีย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นทุกวัน แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิงที่ควรจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมาแล้วก็ตาม นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าทหารซีเรียนำเด็กๆ มาใช้เป็นโล่มนุษย์ด้วย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ซีเรียขณะนี้เข้าขั้นสงครามกลางเมืองหรือไม่ ลัดซุสตอบว่า “ใช่ ผมคิดว่าเช่นนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นขณะนี้คือ รัฐบาลซีเรียสูญเสียดินแดนและเมืองอีกหลายเมืองให้แก่ฝ่ายกบฏ และต้องการที่จะยึดพื้นที่เหล่านั้นคืน”

“ผมคิดว่าระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นมาก มากจนถึงขั้นแสดงให้เห็นลักษณะการต่อสู้ที่เปลี่ยนไป”

รองเลขาธิการสหประชาชาติฝ่ายภารกิจรักษาสันติภาพนับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของยูเอ็นที่กล้าระบุตรงๆว่า เหตุประท้วงในซีเรียได้ยกระดับกลายเป็นสงครามกลางเมืองแล้ว ขณะที่เลขาธิการใหญ่ บัน คี มูน กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแต่เพียงว่า สงครามกลางเมือง “ใกล้จะเกิดขึ้น”

จากสถานการณ์ที่ยืดเยื้อมาร่วม 15 เดือน ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ จึงยิงคำถามต่อที่ประชุม ณ กรุงวอชิงตัน ตรงๆ ว่า ภารกิจสังเกตการณ์ของยูเอ็นจะไปรอดหรือไม่ หลังจากผ่านพ้น 90 วัน ในวันที่ 20 กรกฎาคมนี้

“หากถึงวันนั้นยังไม่มีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้น คงยากที่จะขยายเวลาปฏิบัติภารกิจออกไป เพราะจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับผู้สังเกตการณ์ภาคสนาม” คลินตันกล่าว

คลินตันยังกล่าวหารัสเซียว่ามีส่วนปลุกปั่นให้สถานการณ์รุนแรงขึ้น โดยส่งเฮลิคอปเตอร์โจมตีเข้าไปช่วยเหลือกองกำลังของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด

ด้าน โคฟี อันนัน ผู้แทนพิเศษสันนิบาตอาหรับ ก็พยายามผลักดันให้มีการบังคับใช้ข้อตกลงสันติภาพทั้ง 6 ข้อ ซึ่งกำหนดให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลซีเรียและกบฎวางอาวุธในทันที และมีส่วนร่วมในกระบวนการถ่ายโอนอำนาจ ทว่า เหตุนองเลือดกลับไม่บรรเทาเบาบางลง เนื่องจาก อัสซาด ปฏิเสธที่จะถอย และยังส่งกองกำลังติดอาวุธหนักเข้าโจมตีผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลอย่างไม่ปรานี ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุประท้วงขับไล่ผู้นำซีเรียขณะนี้ สูงถึง 14,100 รายแล้ว

ราดิกา คูมารัสวามี ผู้แทนพิเศษยูเอ็นฝ่ายเยาวชนในสถานการณ์ความขัดแย้ง กล่าวหากองกำลังซีเรียว่าใช้เด็กเป็น “โล่มนุษย์” โดยมีเด็กจำนวนมากถูกสังหารและทำร้ายจนพิการ ซึ่งเด็กบางคนมีอายุเพียงแค่ 9 ขวบเท่านั้น

ในขณะที่แผนสันติภาพของอันนันยังใช้ไม่ได้ผล องค์การสหประชาชาติและคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติก็กำลังมองหาช่องทางอื่นๆ ที่จะยุติความขัดแย้ง โดยจะเน้นการพิจารณาว่า ยังสามารถเปิดเจรจาทางการเมืองได้อยู่หรือไม่ ลัดซุสกล่าว