เอเอฟพี - องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เรียกร้องให้ประชาคมโลกออกมาตรการขั้นเด็ดขาดกับซีเรีย วานนี้ (26) หลังมีรายงานการสังหารหมู่อย่างโหดเหี้ยมโดยกองกำลังความมั่นคง ซึ่งทำให้พลเรือนเสียชีวิตไปถึง 92 ราย โดยกว่า 1 ใน 3 เป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ
บัน คี มูน เลขาธิการสหประชาชาติ และโคฟี อันนัน ผู้แทนพิเศษสันนิบาตอาหรับ กล่าวประณาม “อาชญากรรมสะเทือนขวัญ” ซึ่งเป็นการใช้กำลัง “อย่างไม่เหมาะสมและไม่เลือกหน้า” ฝ่าฝืนกฎหมายระหว่างประเทศ และผิดคำสัญญาของรัฐบาลซีเรียที่ว่าจะไม่ใช้อาวุธหนักหรือความรุนแรงใดๆ ต่อพลเมืองอีก
“ผู้ที่ก่ออาชญากรรมครั้งนี้ต้องถูกนำตัวมารับโทษทัณฑ์” อันนันกล่าวเสริม
คณะผู้แทนยูเอ็นระบุว่า ร่างผู้เสียชีวิต 92 ศพ ซึ่งในจำนวนนั้นเป็นเด็กอายุไม่ถึง 10 ขวบถึง 32 ราย ถูกพบที่เมืองฮูลา หลังมีรายงานว่าทหารของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ใช้อาวุธหนักเข้าโจมตีเมืองดังกล่าว ซึ่งเหตุการณ์นี้นับเป็นเหตุนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง หลังจากกองกำลังความมั่นคงซีเรียเดินหน้าปราบปรามผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลมาตั้งแต่ปีที่แล้ว จนมีพลเรือนเสียชีวิตไปนับหมื่นคน
ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประณามเหตุสังหารหมู่ที่ “เลวร้าย” ครั้งนี้ พร้อมยืนยันว่า วอชิงตันจะร่วมมือกับนานาชาติรุมกดดัน “อัสซาดและพวกพ้อง ซึ่งการเข่นฆ่าและความหวาดกลัวที่พวกเขาก่อขึ้นสมควรยุติลงได้แล้ว”
กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษแถลงว่า กำลังหารือกับชาติพันธมิตรเพื่อหาทางตอบโต้พฤติกรรมป่าเถื่อนของดามัสกัส ขณะที่ฝรั่งเศสก็จะจัดประชุม “เฟรนด์ ออฟ ซีเรีย” หลังเกิดการสังหารหมู่ครั้งล่าสุด
กองกำลังปลดปล่อยซีเรียระบุว่า เมื่อรัฐบาลอัสซาดยังเข่นฆ่าประชาชนไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามแผนสันติภาพของยูเอ็นอีกต่อไป เว้นแต่ยูเอ็นจะเข้าแทรกแซงเพื่อปกป้องชีวิตพลเรือน
แผนสันติภาพที่อันนันเสนอมีผลบังคับใช้ในทางเทคนิคมาตั้งแต่วันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา ทว่าในความเป็นจริง การสังหารพลเรือนก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สัญญาหยุดยิงก็ถูกละเมิดรายวัน