เอเอฟพี - องค์การสหประชาชาติรวบรวมหลักฐานได้มากพอที่จะตั้งข้อหาละเมิดสิทธิมนุษชนกับประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย ซึ่งสั่งการปราบปรามผู้ประท้วงอย่างป่าเถื่อนตลอด 1 ปีที่ผ่านมา นาวี พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษชนของยูเอ็น กล่าวในบทสัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวบีบีซี ซึ่งออกอากาศวานนี้ (28)
จากบทสัมภาษณ์ดังกล่าว พิลเลย์ระบุว่า บทบาทของอัสซาด ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังความมั่นคงซีเรีย ทำให้เขาต้องรับผิดชอบต่อเหตุสังหารที่เกิดขึ้นระหว่างการประท้วง
กองกำลังซีเรียใช้อาวุธหนักเข่นฆ่าพลเมืองในย่านชุมชน ซึ่งถือเป็นอาชญากรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศ พิลเลย์ กล่าว
“อันที่จริงเราก็มีหลักฐานมากพอที่จะระบุได้ว่า อาชญากรรมเหล่านี้เป็นฝืมือเจ้าหน้าที่ความมั่นคงซีเรีย ซึ่งต้องได้รับความเหตุชอบจากผู้นำระดับสูงสุดแล้ว”
“ประธานาธิบดีอัสซาดสามารถสั่งให้เจ้าหน้าที่หยุดสังหารประชาชนได้ ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นการเข่นฆ่าก็จะยุติลง”
“ผู้พิพากษาซึ่งตัดสินคดีอาชญากรรมต่อมนุษยชาติจะต้องพิจารณาเรื่องความรับผิดชอบในการสั่งการด้วย”
ข้าหลวงใหญ่ยูเอ็นยังกล่าวถึงหลักฐานที่บ่งชี้ว่า รัฐบาลซีเรียวางแผนโจมตีเด็กๆ และเยาวชนอย่างเป็นระบบเพื่อหวังปราบปรามผู้ต่อต้าน โดยมีเด็กหลายร้อยคนที่ถูกกักขังและทรมานร่างกาย
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือพอที่จะส่งคดีนี้ไปยังศาลอาชญากรรมระหว่างประเทศ (ไอซีซี) พิลเลย์ ระบุ
บทสัมภาษณ์ พิลเลย์ ซึ่งออกอากาศทางบีบีซี วานนี้ (28) ถูกบันทึกเทปล่วงหน้าก่อนที่ซีเรียจะประกาศยอมรับแผนสันติภาพที่เสนอโดย โคฟี อันนัน ผู้แทนพิเศษสันนิบาตอาหรับ ขณะที่ชาติตะวันตกออกมาชื่นชมพัฒนาการที่ดีขึ้นด้วยท่าทีไม่วางใจนัก
