เอเอฟพี - บทเรียนที่ได้รับจากวิกฤตการเงินในเอเชีย ชี้ให้เห็นว่า ยุโรปจำเป็นต้องใช้ทั้งมาตรการรัดเข็มขัดและกระตุ้นเศรษฐกิจควบคู่กันไป จึงจะสามารถหลุดพ้นจากปัญหาหนี้สินในปัจจุบันได้ ผู้อำนวยการธนาคารโลกแถลงเตือน วันนี้ (24)
ศรี มุลยานี อินทราวาตี ผู้อำนวยการฝ่ายจัดการประจำธนาคารโลก และอดีตรัฐมนตรีคลังอินโดนีเซีย ระบุว่า การเฝ้าถกเถียงกันว่าวิธีใดดีที่สุดที่จะช่วยให้ยุโรปพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ไม่ใช่เรื่องถูกต้อง
“การเลือกตั้งล่าสุดในยุโรปทำให้เกิดการถกเถียงกันอย่างหนักว่า มาตรการลดรายจ่ายหรือกระตุ้นเศรษฐกิจกันแน่ที่จะเหมาะสมสำหรับยุโรปในวันนี้ แต่การอภิปรายลักษณะนี้ไม่ถูกต้อง เพราะทั้งสองมาตรการต้องอาศัยซึ่งกันและกัน” อินทราวาตีกล่าวผ่านการประชุมภาคเอกชนว่าด้วยเศรษฐกิจเอเชีย
“ดิฉันพูดจากประสบการณ์” เธอเผย พร้อมเล่าว่า รัฐบาลอินโดนีเซียก็เคยผ่านการปฏิรูปอย่างเข้มงวด กว่าจะผ่านพ้นวิกฤตการเงินในภูมิภาคช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 มาได้
“เมื่อครั้งที่อินโดนีเซียสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุน เราพบว่า คุณจะต้องแสดงอะไรบางอย่างในเชิงนโยบาย เพื่อรื้อฟื้นความเชื่อมั่นของตลาด ก่อนที่จะนึกไปถึงยุทธศาสตร์เพื่อกระตุ้นการเติบโต” อินทราวาตีกล่าว
พลเมืองฝรั่งเศสและกรีซส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ลงคะแนนให้ผู้นำที่ผลักดันนโยบายรัดเข็มขัดอย่างเข้มงวด ซึ่งในส่วนของฝรั่งเศสก็ได้ประธานาธิบดีคนใหม่ที่สัญญาว่าจะเน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นหลัก
ในขณะที่การเลือกตั้งใหม่ของกรีซกำลังจะมีขึ้นในเดือนหน้า โอกาสที่เอเธนส์จะต้องหลุดจากกลุ่มยูโรโซนก็มีความเป็นไปได้สูง เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่เต็มใจที่จะปฏิบัติตามแผนลดรายจ่ายซึ่งยุโรปกำหนดมาให้
นายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี ยืนยันมาโดยตลอดว่า การควบคุมค่าใช้จ่ายของรัฐบาลเป็นสิ่งจำเป็น
คำตอบของปัญหานี้อยู่ที่การผสานนโยบายรัดเข็มขัดและกระตุ้นเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ “ระดับความเข้มข้นและต่อเนื่อง” ของมาตรการคุมค่าใช้จ่าย และนโยบายที่รัฐบาลเลือกใช้ อินทราวาตีเผย
“โลกาภิวัตน์อำนวยประโยชน์ให้แก่เรามากมายก็จริง แต่เราก็ตระหนักแล้วว่า มันยังทำให้การกำหนดนโยบายแคบลงและยุ่งยากมากขึ้น อีกทั้งความเสี่ยงก็เพิ่มขึ้นด้วย”