เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์อังกฤษหลายฉบับวิจารณ์นโยบายเศรษฐกิจของว่าที่ประธานาธิบดี ฟรองซัวส์
ออลลองด์ แห่งฝรั่งเศส โดยระบุว่า ความคาดหวังที่ว่า ออลลองด์ จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตโดยไม่สร้างความลำบากแก่ประชาชน และจะผลักดันให้ยูโรโซนยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัดได้นั้น เป็นเพียง “มายาคติ”
แม้ชัยชนะของ ออลลองด์ จากพรรคโซเชียลลิสต์ฝรั่งเศส และการที่ชาวกรีซเลือกปฏิเสธพรรคการเมืองที่ชูนโยบายรัดเข็มขัดผ่านการเลือกตั้งรัฐสภาเมื่อวันก่อน จะนับเป็นสัญญาณใหม่ๆ ต่อวิกฤตการเงินของยุโรป
แต่หนังสือพิมพ์อังกฤษเตือนว่า แนวโน้มเช่นนี้อาจกลับกลายเป็นหายนะแทน
บทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ เดอะ ไทม์ส ของอังกฤษ ชี้ว่า การที่ ออลลองด์ สามารถโค่น ซาร์โกซี ลงได้เป็นเพียงบททดสอบขั้นหมูๆ แต่การจะแก้ปัญหาของฝรั่งเศส และขับเคลื่อนสหภาพยุโรปให้พ้นจากวิกฤตการเงิน “ยากยิ่งกว่าหลายเท่า”
คำสัญญาของ ออลลองด์ ที่ว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจฝรั่งเศสให้เติบโต และทำงบประมาณสมดุลให้ได้ภายในปี 2017 ถูก เดอะ ไทม์ส วิจารณ์ว่า ไม่ต่างจาก “การทดลองอย่างกล้าหาญเพื่อล้มล้างกฎทางคณิตศาสตร์”
สื่อเอียงขวาฉบับนี้ยังมองว่า แนวคิดที่จะคลี่คลายวิกฤตยูโรโซนด้วยการทำให้รัฐบาลมีขนาดใหญ่ขึ้น และเจรจาเพื่อแก้ไขข้อตกลงงบประมาณของอียู เป็นเพียง “มายาคติ”
“ฝรั่งเศสจะฟื้นความสามารถด้านการแข่งขันได้ ก็ด้วยการลดรายจ่ายลงเท่านั้น... นี่คือความจริงที่คุณ
ออลลองด์จะปฏิเสธไม่ได้เลย” เดอะ ไทม์ส เผย
หนังสือพิมพ์ เดลี เทเลกราฟ วิจารณ์นโยบายของ ออลลองด์ รุนแรงขึ้นไปอีก ทั้งยังตำหนิชาวฝรั่งเศสที่คิดว่าปัญหาเศรษฐกิจจะแก้ไขได้ง่ายๆ เหมือนใช้เวทมนตร์
บทบรรณาธิการของ เดลี เทเลกราฟ ชี้ว่า นโยบายเก็บภาษีเพื่อจ่ายออก (tax-and-spend) และกู้หนี้ยืมสินเพื่อสร้างความก้าวหน้านั้น เป็น “มายาคติร้ายแรง” และความพยายามกู้เพื่อให้พ้นจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ
ก็เป็นแนวคิดที่ไร้ความรับผิดชอบ และเป็นหายนะทางเศรษฐกิจอีกด้วย
ด้านหนังสือพิมพ์ธุรกิจ ไฟแนนเชียล ไทม์ส มีถ้อยคำให้กำลังใจผู้นำคนใหม่ของฝรั่งเศสอยู่บ้าง แต่ยังเตือนว่า ออลลองด์ ต้องควบคุมค่าใช้จ่ายของรัฐบาลให้ได้ รวมถึงสร้างสัมพันธ์อันดีกับเยอรมนี และยอมรับข้อจำกัดของโครงการเก็บภาษีเพื่อใช้จ่ายในระยะสั้น
หนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน ชี้ว่า ผลการเลือกตั้งในฝรั่งเศสแสดงให้เห็นว่า มาตรการรัดเข็มขัดของยุโรปกำลังนำไปสู่ “วิกฤตความชอบธรรมทางการเมือง” ภายในยุโรปเอง
“หนทางที่ตีบตันเริ่มปรากฏชัดเจน เมื่อนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล แห่งเยอรมนี กดดันให้กรุงเอเธนส์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขลดรายจ่ายของแพกเกจเงินช่วยเหลือ 130,000 ล้านยูโร ในขณะที่พลเมืองกรีซกว่า 60% เลือกที่จะโหวตให้พรรคการเมืองที่ไม่เอานโยบายรัดเข็มขัดเหล่านั้น”