ซีเอ็นเอ็น/เดลิเมล์ - ทางการสหรัฐฯ ต้องรุดส่งเครื่องบินรบ 2 ลำเข้าอารักขาเครื่องบินโดยสารลำหนึ่งที่มุ่งหน้าจากปารีสสู่ชาร์ลอตต์ในนอร์ทแคโรไลนา ไปลงจอดที่รัฐเมน หลังผู้โดยสารรายหนึ่งจุดชนวนความกังวลด้านความปลอดภัย ด้วยการอ้างว่ามีระเบิดแสวงเครื่องฝังอยู่ในร่างกาย
เครื่องบินของสายการบินยูเอส แอร์เวย์ เที่ยวบิน 787 เดินทางจากออกจากสนามบินชาร์ลส์ เดอ โกลล์ ของฝรั่งเศส ณ เวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น และมีกำหนดเดินทางถึงท่าอากาศยานชาร์ลอตต์ ดักลาส ในเวลาประมาณ 14.30 น. อย่างไรก็ตาม เครื่องบินลำนี้ต้องเบี่ยงไปลงจอดยังเมืองบันกอร์ ในรัฐเมน หลังผู้หญิงรายหนึ่งตะโกนว่ามีวัตถุระเบิดฝังอยู่ในร่างกายเธอ
เหตุการณ์ระทึกขวัญนี้เกิดขึ้น ณ เวลาประมาณ 12.00 น. ขณะที่เครื่องบินโบอิ้ง 767 พร้อมผู้โดยสาร 179 คน และลูกเรือ 9 คน กำลังบินอยู่เหนือรัฐโนวาสโกเชียของแคนาดา ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอบีซีได้เผยแพร่ภาพบันทึกวิดีโอที่เหล่าผู้โดยสารคนอื่นๆ และบรรดาลูกเรือช่วยกันรวบตัวผู้หญิงรายนี้
รายงานข่าวของซีเอ็นเอ็นระบุว่า ผู้หญิงรายนี้เป็นชาวฝรั่งเศสที่เกิดในแคเมอรูน และจะเดินทางไปสหรัฐฯ เป็นเวลา 10 วัน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าเธอไม่ได้มีการตรวจเช็กสัมภาระแต่อย่างใด ทั้งนี้แพทย์ที่อยู่บนเครื่องได้ทำการตรวจร่างกายเธอ แต่ก็ไม่พบรอยบาดแผลหรือแผลเป็นที่บ่งชี้ว่าเคยผ่านการผ่าตัดมาไม่นาน ขณะที่ต่อมาเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ก็ให้สัมภาษณ์กับเอ็นบีซีว่าจากรายงานข่าวในเบื้องต้นบ่งบอกว่าผู้หญิงรายนี้มีภาวะทางจิตที่ไม่มั่นคง
หน่วยป้องกันอากาศยานแห่งอเมริกาเหนือยืนยันกับซีเอ็นเอ็นว่าเ ครื่องบินรบเอฟ 15 สองลำถูกส่งขึ้นไปอารักขาพาเครื่องบินลำดังกล่าวไปลงจอดอย่างปลอดภัย ณ สนามบินเมืองบันกอร์ จากนั้นเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายก็เข้าควบคุมผู้ก่อเหตุและตรวจตราเครื่องบินทันที
ความกังวลด้านความปลอดภัยครั้งนี้มีขึ้นหลังจากกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์เปิดเผยถึงแท็กติกการโจมตีใหม่ด้วยการใช้ระเบิดแสวงเครื่องฝังในร่างกายมือระเบิดฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้ อากาศยานต่างๆ ในสหรัฐฯ ยุโรป และตะวันออกกลาง ได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยท่ามกลางความกังวลว่ากลุ่มก่อการร้ายอาจใช้แท็กติกนี้ในความพยายามระเบิดเครื่องบินมในวาระครบรอบ 1 ปีแห่งการเสียชีวิตของอุซามะห์ บิน ลาดิน แกนนำอัลกออิดะห์ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม
