ขุนคลัง “ยูโรโซน” ปลอบไม่ไล่กรีซ แต่ลู่ทางยังมืด “เอเธนส์” ตั้ง รบ.ไม่ได้

เอเจนซีส์ - ขุนคลังยูโรโซนปัดการพูดคุยเรื่องกรีซออกจากยูโรโซนเป็นเรื่องไร้สาระ ย้ำเอเธนส์ต้องเคารพเงื่อนไขโครงการความช่วยเหลือที่ตกลงกับอียูและไอเอ็มเอฟ ทั้งนี้ทั้งนั้น ปัญหาเฉพาะหน้าที่อยู่ที่ว่า กรีซจะตั้งรัฐบาลใหม่ได้หรือไม่ ซึ่งแนวโน้มล่าสุดดูเหมือนความพยายามนี้จะล้มเหลวอีกครั้ง

ฌอง-โคลด จุงเกอร์ ประธานรัฐมนตรีคลังยูโรโซนกล่าวเมื่อวันจันทร์ (14) ว่าหากกรีซสามารถตั้งรัฐบาลได้ และรัฐบาลชุดใหม่ลงนามรับรองข้อตกลงการรับความช่วยเหลือ เป็นไปได้ว่าอาจมีการปรับเปลี่ยนเป้าหมายบางอย่างได้

จุงเกอร์ นายกรัฐมนตรีลักเซมเบิร์ก ยังยืนยันว่า ไม่มีการหารือเรื่องการถอนตัวจากยูโรโซนของกรีซในที่ประชุมรัฐมนตรีคลังจาก 17 ชาติสมาชิกแต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (อียู) ย้ำว่า มีช่องทางน้อยมากในการทบทวนการเจรจาโครงการความช่วยเหลือมูลค่า 130,000 ล้านดอลลาร์จากอียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แม้ดูเหมือนจุงเกอร์เสนอแนวทางต่อรองให้แก่เอเธนส์ หากพรรคการเมืองต่างๆ สามารถเอาชนะความขัดแย้งและสนับสนุนโครงการความช่วยเหลือ

“เราต้องการให้รัฐบาลกรีซประกาศชัดเจนว่า ยึดมั่นในโปรแกรมความช่วยเหลือ จากนั้นหากเกิดสถานการณ์ยกเว้น เราจะไม่ตัดความเป็นไปได้ในการหารือประเด็นนี้”

อย่างไรก็ดี หลังผ่านการเลือกตั้งมากว่าสัปดาห์ พรรคการเมืองของกรีซยังไม่สามารถตั้งรัฐบาลได้ และผลสำรวจความคิดเห็นชี้ว่า พรรคฝ่ายซ้ายที่ต่อต้านโปรแกรมความช่วยเหลือที่เน้นหนักมาตรการรัดเข็มขัดจะชนะในการเลือกตั้งครั้งใหม่ที่มีแนวโน้มว่าจะมีขึ้นเดือนหน้า หากยังไม่มีพรรคใดสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ภายในวันพฤหัสฯ นี้ (17) ที่จะมีการเปิดประชุมสภา

ล่าสุด ประธานาธิบดีคาร์เลลอส ปาปูเลียส เรียกผู้นำจากพรรคการเมืองต่างๆ หารือช่วงเย็นวันอังคาร (ตามเวลาท้องถิ่นของไทย) เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยนักวิชาการ ทว่า เป็นที่คาดว่า การหารือนี้จะล้มเหลวเช่นเดิม เนื่องจากพรรคฝ่ายซ้ายปฏิเสธข้อเสนอนี้เป็นที่เรียบร้อย

ในภาวะที่เงินของกรีซจะหมดลงต้นเดือนหน้า และยังไม่มีรัฐบาลใหม่ทำหน้าที่เจรจาการขอรับความช่วยเหลืองวดต่อไป นักลงทุนจึงพากันคาดว่า เอเธนส์จะผิดนัดชำระหนี้และถอนตัวจากยูโรไม่ช้าก็เร็ว

การพูดถึงการถอนตัวของสมาชิกเดิมไม่ได้เป็นสิ่งต้องห้ามในหมู่ผู้วางนโยบายอีกต่อไป ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ลุค โคอีน และแพทริก โฮโนแฮน ผู้วางนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวอย่างเปิดเผยถึงความเป็นไปได้ที่กรีซจะออกจากเขตเงินตราสกุลเดียว ซ้ำสรุปว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะไม่เกิดผลร้ายแรงกับยูโรโซน

กระนั้น มีปัจจัยกระตุ้นสำคัญให้หลายฝ่ายช่วยกันปกป้องกรีซ เพราะอย่างน้อยอีซีบีและรัฐบาลของหลายชาติในยูโรโซนต่างเป็นผู้ถือครองพันธบัตรรัฐบาลกรีซรายใหญ่ ซึ่งการผิดนัดชำระหนี้ของเอเธนส์ อาจทำให้รัฐบาลเหล่านี้ขาดทุนยับ และอีซีบีจำเป็นต้องอัดฉีดเพิ่มทุน และผู้รับภาระหนักหนีไม่พ้นเยอรมนี

สิ่งที่กลัวกันมากที่สุด คือ ความปั่นป่วนในกรีซอาจลากสเปนและอิตาลีตกต่ำไปด้วย คุกคามการมีอยู่ของยูโรโซนทั้งหมด สถานการณ์นี้ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสเปนทะยานทำลายสถิติเมื่อวันจันทร์

ทั้งนี้ทั้งนั้น ด่านแรกและด่านสำคัญที่สุดในการตัดสินใจประเด็นต่างๆ ในยูโรโซนคือเยอรมนีและนายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ที่ยืนกรานว่า มาตรการลดหนี้อย่างเคร่งครัดเป็นวิธีการหลักในการฟื้นฟูยูโรโซน

กระนั้น พรรคอนุรักษนิยมของแมร์เคิลพ่ายแพ้ยับเยินในการเลือกตั้งในรัฐที่มีประชากรมากที่สุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13) ซึ่งอาจปูทางให้ฝ่ายค้านปีกซ้ายโหมโจมตีนโยบายรัดเข็มขัดสำหรับยุโรปของแมร์เคิลหนักขึ้น

นอกจากนี้ วันอังคาร (15) ฟรังซัวส์ ออลลองด์ ประธานาธิบดีใหม่ของฝรั่งเศส ยังมีกำหนดเยือนเบอร์ลินเพื่อผลักดันกลยุทธ์การเติบโต ซึ่งเยอรมนีบอกว่า ไม่คัดค้านตราบที่กลยุทธ์นั้นไม่ต้องรองรับด้วยการเพิ่มการใช้จ่ายอันจะทำให้หนี้กลับเพิ่มขึ้นอีก