เอเจนซีส์ - การต่อสู้ดุเดือดทั้งด้วยปืน จรวด และระเบิด นานเกือบ 20 ชั่วโมง ระหว่างกลุ่มตอลิบานกับกองกำลังรักษาความปลอดภัยกลางกรุงคาบูล ยุติลงแล้วในวันจันทร์ (16) โดยผู้เข้าโจมตีถูกสังหารถึง 36 คน กระนั้นเหตุการณ์นี้สะท้อนความสามารถของกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ในการโจมตีเป้าหมายสำคัญกลางเมืองหลวง และระบบรักษาความปลอดภัยที่มีช่องโหว่ของอัฟกานิสถาน ในขณะที่กองกำลังนานาชาติเตรียมถอนออกไปในอีก 2 ปีข้างหน้า
กระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถานเผยในวันจันทร์ว่า กลุ่มตอลิบานถูกสังหาร 36 คน ในเหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลางวันวันอาทิตย์ (15) และทำให้ย่านที่ตั้งของหน่วยงานรัฐบาลกลายเป็นอัมพาต รวมถึงอีก 3 จังหวัดใกล้เคียง
สมาชิกกลุ่มติดอาวุธ 4 คนเสียชีวิตขณะจู่โจมอาคารรัฐสภา อีก 6 คนเสียชีวิตในตึกที่กำลังก่อสร้างซึ่งพวกเขาใช้เป็นที่ซุ่มยิงอาคารสถานทูตที่มีการคุ้มกันแน่นหนาด้วยปืนไรเฟิลสังหารและเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี แล้วยังมี 4 คนตายทางตะวันออกของคาบูล และอีก 9 คนเสียชีวิตในการโจมตีฐานทัพของนาโต้ในเมืองจาลาลาลัด
ขณะเดียวกัน ทหารและตำรวจอัฟกันเสียชีวิตรวม 8 นาย และบาดเจ็บราว 40 นาย นอกจากนั้นมีพลเรือนเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 25 คน ดังนั้นเมื่อรวมทั้งหมดแล้วจึงมีผู้เสียชีวิต 47 คน
รายงานข่าวระบุว่า กองกำลังความมั่นคงอัฟกันเป็นผู้นำในการตอบโต้การโจมตี โดยมีเฮลิคอปเตอร์นาโต้ให้การสนับสนุนการโจมตีทางอากาศ ด้วยการกราดยิงมือปืนที่ซุ่มอยู่บนตึกที่สามารถมองลงไปเห็นสำนักงานใหญ่ของนาโต้ รวมถึงสถานทูตสหรัฐฯ อังกฤษ เยอรมนี และญี่ปุ่นที่เป็นเป้าหมายการโจมตี
ทางด้านกลุ่มตอลิบานได้แถลงอ้างความรับผิดชอบในเหตุการณ์นี้ โดย ซาบิฮัลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกตอลิบานกล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นการโจมตีในฤดูใบไม้ผลิ และเป็นการแก้แค้นเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกองกำลังอเมริกันที่รวมถึงการเผาคัมภีร์อัลกุระอานในฐานทัพนาโต้ และการสังหารหมู่ชาวอัฟกัน 17 ศพโดยทหารอเมริกัน
ทว่า เจ้าหน้าที่บางคน อาทิ ไรอัน คร็อกเกอร์ เอกอัครราชทูตอเมริกัน เชื่อว่ากลุ่มฮักกอนี หรือกองโจรเผ่าปาชตุนที่อยู่ตามแนวชายแดนอัฟกัน-ปากีสถานและเวลานี้เป็นพันธมิตรกับพวกตอลิบาน น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และไม่เชื่อว่าตอลิบานจะสามารถก่อปฏิบัติการแบบนี้ได้
ปฏิบัติการครั้งนี้ที่เริ่มต้นด้วยการโจมตีสถานทูต ซูเปอร์มาร์เกต โรงแรม และรัฐสภา นับเป็นเหตุการณ์รุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงของอัฟกานิสถาน ตั้งแต่ที่กองกำลังอัฟกันซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ขับไล่ตอลิบานพ้นจากอำนาจเมื่อปี 2001 และสะท้อนความสามารถของกลุ่มตอลิบานในการโจมตีเป้าหมายสำคัญกลางเมืองหลวง
การโจมตีนี้ยังอาจจะเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของความล้มเหลวในปีเลือกตั้งสำหรับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่หวังชูความสำเร็จในสงครามต่อต้านตอลีบานเป็นหนึ่งในประเด็นหาเสียง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหนึ่งเดือนก่อนการประชุมสุดยอดนาโต้ที่สหรัฐฯ และพันธมิตรจะตกลงกันในขั้นตอนสุดท้ายเกี่ยวกับการผ่องถ่ายการควบคุมให้แก่กองกำลังอัฟกานิสถาน และก่อนการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมและรัฐมนตรีต่างประเทศนาโต้ในบรัสเซลส์เพื่อจัดเตรียมซัมมิตไม่กี่วัน
ทั้งนี้ กองกำลังของฝ่ายตะวันตก จะออกจากอัฟกานิสถานภายในปี 2014 และส่งมอบความรับผิดชอบให้กองทัพและกองตำรวจอัฟกานิสถาน
ทว่า เห็นกันว่ากองกำลังความมั่นคงอัฟกันมีปัญหาสั่งสมทั้งในเรื่องระเบียบวินัยและความล้มเหลวในการเรียนรู้ โดยเฉพาะภายหลังเกิดกรณีการโจมตีในลักษณะคล้ายคลึงกับคราวนี้ในกรุงคาบูลเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ซึ่งมีการโจมตีพร้อมกันหลายจุด รวมถึงสถานทูตอเมริกันและสำนักงานใหญ่กองกำลังสนับสนุนด้านความมั่นคงนานาชาติ (ไอเอสเอเอฟ) โดยที่คราวนั้นมีผู้เสียชีวิต 14 คน
ก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือน ยังมีเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่ศูนย์วัฒนธรรมบริติช เคาน์ซิล และมีผู้เสียชีวิต 9 ราย
มาร์ติน แวน บิจเลิร์ต จาก อัฟกานิสถาน อะนาไลซิส เน็ตเวิร์ก สำทับว่า การโจมตีล่าสุดยังสะท้อนข้อเท็จจริงว่า ผู้ก่อการร้ายหลายคนสามารถฝ่าจุดตรวจที่เข้มงวดในคาบูลและโจมตีเป้าหมายสำคัญกลางเมืองหลวง ซึ่งบ่งชี้ถึงความหละหลวมในการรักษาความปลอดภัย
กระนั้น พล.อ.จอห์น อัลเลน ผู้บัญชาการไอเอสเอเอฟ แสดงความชื่นชมต่อความรวดเร็วและการประสานงานเพื่อรับมือของกองกำลังความมั่นคงอัฟกานิสถาน
ขณะที่ คร็อกเกอร์กล่าวว่า ความสามารถของกองกำลังอัฟกันในการรับมือการโจมตีเป็นสัญญาณชัดเจนที่บ่งชี้ความคืบหน้า
ด้าน ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ โทรศัพท์หาคร็อกเกอร์เพื่อหารือเกี่ยวกับ “การโจมตีแบบขลาดเขลา” และขอให้คร็อกเกอร์ถ่ายทอดความชื่นชมต่อการรับมืออย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพของกองกำลังอัฟกันของตนไปถึงประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ