xs
xsm
sm
md
lg

ผกก.หนังต้านอิสลามกบดานเงียบ นักแสดงแฉถูกหลอก-มีอัดเสียงทับ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพยนตร์เรื่อง “อินโนเซนซ์ ออฟ มุสลิมส์” ที่มีเนื้อหาต่อต้านศาสนาอิสลาม ก่อให้เกิดกระแสประท้วงอย่างกว้างขวางในประเทศมุสลิมทั่วโลก ในภาพนี้ผู้ประท้วงที่ตูนีเซียพากันดึงเอาธงชาติอเมริกันลงมาเผา ระหว่างเดินขบวนที่ด้านนอกสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯในกรุงตูนิสเมื่อวันพุธ(12)
เอเจนซีส์ - ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังภาพยนตร์ต่อต้านอิสลาม ซึ่งก่อกระแสประท้วงรุนแรงในตะวันออกกลางถึงขั้นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำลิเบียถูกเข่นฆ่า ยังคงเป็นปริศนาดำมืด โดยมีเพียงข่าวที่ไม่ชัดเจนระบุว่ายิวหรือชาวคริสต์นิกายคอปติกอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ที่แน่ๆ ก็คือทีมงานและนักแสดงในหนังเรื่องนี้ออกมาแสดงความไม่พอใจ และแฉว่าหนังถูกนำไปพากษ์เสียงใหม่เพื่อติเตียนโจมตีศาสดามุฮัมมัด

ผู้คนมากมายกำลังสงสัยว่า ผู้กำกับหนัง “อินโนเซนซ์ ออฟ มุสลิมส์” ที่เรียกตัวเองว่า แซม เบซิล และบอกว่าเป็นคนอเมริกันเชื้อสายยิว ซึ่งขณะนี้กำลังหลบซ่อนตัวอยู่หลังเกิดการประท้วงในอียิปต์และลิเบีย แท้จริงคือใครกันแน่ โดยสื่ออเมริกันหลายสำนักระบุว่า เบซิลเป็นชาวคริสเตียนนิกายคอปติก อาศัยอยู่นอกแอลเอและเคยมีคดีฉ้อโกง

ซ้ำร้าย ทีมงานและนักแสดงในภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวยังออกมาระบายความไม่พอใจที่โดนหลอกใช้ โดยมีอย่างน้อยหนึ่งคนแฉว่า บทสนทนาส่วนที่สร้างความไม่พอใจให้ชาวมุสลิมนั้นเป็นการอัดเสียงทับในภายหลัง

การประท้วงหนังเรื่องนี้เป็นเหตุให้คริส สตีเวนส์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำลิเบีย และเจ้าหน้าที่ทูตอเมริกันอีก 3 คนเสียชีวิตในเมืองเบงกาซี เมื่อวันอังคาร (11) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 11 ปีวินาศกรรม 11 กันยายน

สตีเวน ไคลน์ ที่ปรึกษาหนังเรื่องนี้ ปฏิเสธว่ารัฐบาลอิสราเอลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนัง และว่า เบซิล ซึ่งเป็นชื่อสมมติ รู้สึกเสียใจกับการเสียชีวิตของเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ไคลน์บอกว่า ไม่รู้สัญชาติของผู้กำกับซึ่งน่าเชื่อว่า อาจเผชิญชะตากรรมเดียวกับ ธีโอ แวน โก๊ะห์ ผู้สร้างหนังชาวดัตช์ที่ถูกลอบสังหารในปี 2004 หลังจากจุดชนวนการประท้วงจากหนังต่อต้านมุสลิมเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ ในบทสัมภาษณ์ที่วอลล์สตรีท เจอร์นัลเผยแพร่เมื่อวันอังคาร เบซิลบอกว่า “อิสลามคือมะเร็งร้าย” และว่า เขาระดมทุน 5 ล้านดอลลาร์จากชาวยิว 100 คน และใช้นักแสดง 60 คน กับทีมงาน 45 คนในการถ่ายทำหนังความยาว 2 ชั่วโมง โดยใช้เวลาถ่ายทำ 3 เดือนในแคลิฟอร์เนียเมื่อปีที่แล้ว

ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายที่โรงหนังเพียงโรงเดียวในฮอลลีวูดเมื่อราว 3 เดือนก่อน และหายเงียบไปจนกระทั่งเวอร์ชันที่ใส่เสียงภาษาอาหรับออกเผยแพร่ในสัปดาห์ที่แล้ว และมีบางส่วนถูกนำเอาไปออกอากาศในทีวีอียิปต์แห่งหนึ่ง

ในวันพุธ (12) ทีมงานและนักแสดงได้ออกคำแถลงร่วม แสดงความไม่พอใจที่ถูกโปรดิวเซอร์หลอกใช้ประโยชน์

ซินดี้ ลี การ์เซีย ผู้รับบทเป็นหญิงที่ยกลูกสาวให้แต่งงานกับศาสดามุฮัมมัด บอกว่าไม่รู้มาก่อนว่าหนังมุ่งต่อต้านอิสลาม

การ์เซียเล่าว่า ตอนที่ถ่ายทำ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกระบุชื่อว่า “ดีเสิร์ต วอร์ริเออร์” และเป็นเรื่องราวการผจญภัยในทะเลทรายอาหรับเมื่อ 2,000 ปีก่อน โดยไม่มีการพูดถึงศาสดามุฮัมมัดหรือศาสนาอิสลามแต่อย่างใด เธอยังสำทับว่า บทสนทนาถูกพากษ์ทับหลังจากถ่ายทำแล้ว

การ์เซียเสริมว่า โปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ชื่อว่า แซม เบซิล เป็นชายสูงวัยผมสีดอกเลา เธอยังบอกว่า โทรศัพท์หาเขาเมื่อวันพุธเพื่อถามว่า เพราะเหตุใดจึงดึงเธอเข้าไปเกี่ยวข้องกับหนังที่ทำให้มีการประท้วงฆ่าแกงกัน ซึ่งเขาตอบสั้นๆ ว่า นั่นไม่ใช่ความผิดของเธอ

ขณะเดียวกัน รายงานออนไลน์ที่อ้างอิงในบล็อกของนิวยอร์ก ไทมส์ชี้ว่า มอร์ริส ซาเด็ค ชาวคริสเตียนนิกายคอปติกที่เกิดในอียิปต์ และพันธมิตรคือ เทอร์รี โจนส์ ศาสนาจารย์คริสเตียนที่เคยขู่เผาคัมภีร์อัลกุระอานจนเกิดการประท้วงวุ่นวายในอัฟกานิสถานมาแล้ว ร่วมกันโปรโมทหนังเรื่องนี้

รอยเตอร์เผยว่า ซาเด็คแสดงความเสียใจกับการเสียชีวิตของเอกอัครราชทูตอเมริกัน และว่าจุดประสงค์ของตนคือ สะท้อนการเลือกปฏิบัติต่อชาวคริสต์นิกายคอปติกในอียิปต์เท่านั้น

อย่างไรก็ตามในคืนวันพุธ รายงานที่สื่ออเมริกันอ้างอิงกลับระบุว่า นาคูลา บาสเซอลี นาคูลา คือชาวคริสเตียนนิกายคอปติกคนที่ว่า และเป็นผู้บริหารบริษัทที่ผลิตหนังเรื่องดังกล่าว

ทว่า นาคูลา วัย 55 ปี ผู้เคยถูกตัดสินจำคุก 21 เดือนจากคดีฉ้อโกงแบงก์ของรัฐในปี 2010 ปฏิเสธว่าตนไม่ใช่แซม เบซิล แม้โทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อให้สัมภาษณ์กับสื่อเมื่อวันอังคารลงทะเบียนที่อยู่ของเขาก็ตาม

ขณะเดียวกัน ศาสนาจารย์โจนส์ออกมาปฏิเสธว่า หนังเรื่องดังกล่าวไม่ได้ต่อต้านชุมชนมุสลิม แต่ต้องการเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับศาสดามุฮัมมัดที่คนมากมายอาจไม่รู้

“ผลผลิตของศาสนาจะเปิดเผยตัวเอง ตัวอย่างเช่นความรุนแรงและการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ไม่ได้มีสาเหตุมาจากหนังเรื่องนี้หรือกิจกรรมที่เราทำ และเราจะยังทำสิ่งนี้ต่อไป”

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ พลเอกมาร์ติน เดมป์ซีย์ ได้โทรศัพท์หาโจนส์ และขอให้เขายุติการโปรโมทหนังดังกล่าว แต่โจนส์ไม่ยอมรับปาก
กำลังโหลดความคิดเห็น