เอเอฟพี - ราคาน้ำมันวานนี้ (10) ขยับลงแรง หลังนักลงทุนวิตกต่อข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในจีนและสหรัฐฯ ท่ามกลางความกังวลต่อวิกฤตหนี้ยุโรป และปัจจัยเหล่านี้ก็ฉุดให้วอลล์สตรีทดิ่งลงอย่างหนักเช่นกัน
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤษภาคม ลดลง 1.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 101.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 2.79 ดอลลาร์ ปิดที่ 199.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อังเดร คีร์ยูเชนคอฟ นักวิเคราะห์จาดวีทีบี แคปิตอล กล่าวว่า “น้ำมันดิบขยับลงจากแรงกดดันของการเทขายท่ามกลางความกังวลอันสูงลิ่วต่อตัวเลขการนำเข้าที่ลดลงของจีนในเดือนมีนาคม ในนั้นรวมถึงปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบ”
พร้อมกันนั้น เขาบอกต่อว่า “ราคาน้ำมันยังได้รับผลกระทบจากข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯอันน่าผิดหวังและความกังวลต่อยูโรโซนด้วย”
ปัจจัยข้างต้นประกอบกับความวิตกเกี่ยวกับข้อมูลผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทต่างๆ ซึ่งเตรียมเผยออกมาเร็วๆนี้ ฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (10) ปิดลบเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 213.66 จุด (1.65 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,715.93 จุด แนสแดค ลดลง 55.86 จุด (1.83 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,991.22 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 23.61 จุด (1.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,358.59 จุด
ข้อมูลการค้าที่ผสมผสานในจีนเมื่อวันอังคาร (10) เพิ่มความกังวลต่อชาติเศรษฐกิจยักษใหญ่แห่งนี้ หลังจากปักกิ่งเผยว่าในเดือนมีนาคม เกินดุลการค้า 5,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากขาดดุลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ถึง 31,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบแลัว กลับพบว่าตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 8.9 ส่วนการนำเข้าก็เพิ่มขึ้นราว 5.3 บ่งชี้ว่าการบริโภคภายในของชาติที่มีประชากร 1,300 ล้านคนกำลังเบาบางลง
ขณะเดียวกัน ข้อมูลภาคแรงงานสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดให้ตลาดหุ้นปิดลบ หลังจากเมื่อวันศุกร์ (6) รายงานของกระทรวงแรงงานบอกว่ามีการจ้างงานในเดือนมีนาคมเพียง 120,000 ตำแหน่ง น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดหวังไว้อย่างมาก
