เอเจนซี/เอเอฟพี - รองนายกฯ หลี่เค่อเฉียง ผู้ได้รับการวางตัวเป็นนายกฯจีนคนต่อไป ระบุในวันอาทิตย์ (18) ว่า จีนไม่สามารถที่จะชะลอการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงโมเดลทางเศรษฐกิจให้ชักช้าออกไปอีก เป็นการตอกย้ำว่าคณะผู้นำระดับสูงสุดของแดนมังกรมุ่งมั่นที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงแบบที่อิงกับพลังตลาด ภายหลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้สั่งปลด ป๋อ ซีไหล ผู้นำมากอิทธิพลบารมีคนหนึ่ง ซึ่งต้องการให้รัฐมีบทบาทในเศรษฐกิจให้มากขึ้น
หลี่ ผู้ได้รับการคาดหมายอย่างกว้างขวางว่าจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สืบต่อจากเวิน เจียเป่า ในกระบวนการถ่ายโอนตำแหน่งซึ่งจะเริ่มขึ้นตอนปลายปีนี้ ให้สัญญาว่าจะดำเนินนโยบายต่างๆ ด้วยความยืดหยุ่นเพื่อรักษาอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็วและให้ระดับราคามีเสถียรภาพ โดยเน้นหนักไปที่การเพิ่มดีมานด์ภายในประเทศ และดำเนินการปฏิรูปเชิงโครงสร้างต่อไปเพื่อทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมีความมั่นคงและความสมดุลมากขึ้น
“จีนได้มาถึงระยะเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อในการเปลี่ยนแปลงโมเดลทางเศรษฐกิจของตน และการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่สามารถที่จะชะลอออกไปได้ การปฏิรูปได้เข้าสู่ขั้นตอนที่หนักหน่วงสาหัสแล้ว” หลี่กล่าว ซึ่งเป็นการตอกย้ำทัศนะที่นายกฯเวินกล่าวไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว
“เราจะกำหนดนโยบายที่มีเป้าหมายชัดเจนยิ่งขึ้น มีความยืดหยุ่น และมองไปข้างหน้ามากขึ้น เพื่อรักษาอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างรวดเร็ว และรักษาระดับราคาให้มีเสถียรภาพโดยพื้นฐาน” หลี่กล่าวในการประชุมสัมมนานโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งมี คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ และเจ้าหน้าที่ระดับท็อปของจีน ตลอดจนผู้นำทางธุรกิจชาวต่างประเทศหลายสิบคนเข้าร่วมด้วย
เขาบอกว่า จีนจะ “ดำเนินการปฏิรูปอย่างลึกซึ้งในด้านภาษี, ภาคการเงิน, ระดับราคา, การแบ่งสรรรายได้ รวมทั้งจะแสวงหาวิธีผ่าทางตันในเรื่องสำคัญๆ เพื่อปลดปล่อยให้พลังตลาดสามารถแสดงบทบาทได้มากยิ่งขึ้นในการจัดสรรทรัพยากร”
หลี่ออกมาเน้นย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่นำโดยการปฏิรูปคราวนี้ บังเกิดขึ้นหลังจากเวินระบุว่า อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวลง และจะต้องดำเนินการปฏิรูปทางการเมืองอย่างจริงจังเพื่อไมให้แดนมังกรอยู่ในอาการซวนเซ รวมทั้งจะต้องกระจายแบ่งสรรความมั่งคั่งให้ทั่วถ้วนกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมประกาศใช้อำนาจในช่วงปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งของเขา แก้ไขความไม่พอใจของประชาชนที่เพิ่มมากขึ้นและอาจลุกลามกลายเป็นความวุ่นวายในที่สุด
การที่คณะผู้นำสูงสุดของจีนออกมาแสดงให้เห็นว่ามีความสามัคคีเป็นเอกภาพกันในการสนับสนนการปฏิรูปที่อิงกับพลังตลาดคราวนี้ นับว่ามีความสำคัญเป็นพิเศษหลังจากที่ในสัปดาห์ที่แล้ว ได้ออกคำสั่งปลด ป๋อ ซีไหล ออกจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สาขามหานครฉงชิ่ง
ทั้งนี้ ป๋อ ซึ่งแสดงท่าทีชัดเจนว่ามีความทะเยอทะยานสูง ได้รับความนิยมอย่างมากจากการใช้วิธีการแบบประชานิยมและการปราบปรามอาชญากรรมอย่างเด็ดขาดในการบริหารเมืองฉงชิ่ง ทว่าการที่เขาพยายามโปรโมตตัวเองและรื้อฟื้นค่านิยมและการโฆษณาชวนเชื่อในยุคเหมา เจ๋อตง ขึ้นมาใหม่ ก็ทำให้พวกเจ้าหน้าที่ที่มีแนวคิดสายกลางเกิดความระแวงระวังขึ้นมา
ทางด้าน ลาการ์ด บิ๊กบอสไอเอ็มเอฟ ได้กล่าวในที่ประชุมสัมมนาในวันอาทิตย์ว่าเงินหยวนสามารถเป็นสกุลเงินสำรองของโลกได้ หากจีนปฏิรูปเศรษฐกิจ และจีนจำเป็นต้องมีโรดแมปสำหรับอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นยิ่งขึ้น การบริหารจัดการสภาพคล่องและการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงกฎระเบียบและการตรวจสอบที่เคร่งครัดขึ้น ตลาดการเงินที่มีพัฒนาการ อัตราเงินฝากและสินเชื่อที่ยืดหยุ่น และการเปิดเสรีบัญชีทุน
การแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหยวนในฐานะสกุลเงินสำรองของลาการ์ดครั้งนี้นับเป็นการรับรองโดยตรงที่ชัดเจนที่สุดของเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟที่มีต่อเป้าหมายสกุลเงินของจีน
นอกจากนี้ ลาการ์ดยังระบุว่า จีนได้แสดงความเป็นผู้นำและทักษะด้านนโยบายซึ่งช่วยผ่อนเพลาผลกระทบจากวิกฤตการเงินโลก พร้อมแสดงความชื่นชมความเป็นผู้นำและอิทธิพลของจีนในสถาบันระดับโลก เช่น ไอเอ็มเอฟ และจี 20 และสำทับว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ยังคงอ่อนแอตอกย้ำความสำคัญในการที่จีนจะต้องรักษาบทบาทถาวรในการหารือด้านนโยบายโลกและเดินหน้าปฏิรูปเศรษฐกิจในประเทศ