เอเจนซีส์ - รัฐมนตรีพาณิชย์ เฉิน เต๋อหมิง ของจีน แถลงในวันพุธ (7) ว่า ร่างรัฐบัญญัติการค้าของสหรัฐฯที่เพิ่งผ่านการอนุมัติของรัฐสภาอเมริกันมาหมาดๆ โดยมุ่งเล่นงานสินค้าจีนที่เข้าสู่สหรัฐฯนั้น เป็นกฎหมายที่ขัดต่อกฎระเบียบระหว่างประเทศ นอกจากนั้น เขายืนยันว่า ปักกิ่งจะไม่ปรับค่าเงินหยวน เพื่อแก้ไขปัญหาดุลการค้า พร้อมกับระบุว่า การที่สหรัฐฯขาดดุลการค้าอย่างมาหศาลนั้น เป็นปัญหาที่วอชิงตันจะต้องเป็นผู้ลงมือแก้ไข
ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ของสหรัฐฯ แสดงท่าทีแล้วว่าจะลงนามผ่านร่างรัฐบัญญัตินี้ให้เป็นกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ โดยที่เนื้อหาสำคัญของร่างรัฐบัญญัติฉบับนี้ จะเปิดทางให้ขึ้นภาษีพิเศษเอากับสินค้าที่ได้รับการอุดหนุนจากพวกประเทศที่ใช้ “ระบบเศรษฐกิจซึ่งมิใช่แบบตลาด” ทั้งนี้ ประเทศพวกนี้รายสำคัญๆ ที่เป็นคู่ค้าของสหรัฐฯ ได้แก่ จีน และ เวียดนาม โดยที่รัฐสภาอเมริกันและทำเนียบขาวต่างเห็นพ้องกันว่า กฎหมายเช่นนี้จะช่วยปกป้องคุ้มครองตำแหน่งงานของชาวอเมริกัน
รัฐมนตรี เฉิน กล่าวต่อที่ประชุมแถลงข่าว ซึ่งจัดขึ้นคู่ขนานกับการประชุมประจำปีของรัฐสภาจีนที่กำลังดำเนินอยู่ในเวลานี้ โดยเขาบอกว่า จีนพร้อมทำตามระเบียบกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO) แต่จีนไม่มีพันธกรณีที่จะต้องทำตามกฎหมายภายในประเทศ หรือระเบียบกฎเกณฑ์ในประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งเกินเลยไปกว่ากฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ
เขากล่าวว่า จีนประสบความสำเร็จมากกว่าสหรัฐฯในการทำให้การค้าที่ตนมีอยู่กับทั่วโลกเกิดความสมดุลมากขึ้น กล่าวคือ จีนได้เปรียบดุลการค้าต่อทั่วโลกลดต่ำลงมาเหลือเท่ากับ 2.1% ของจีดีพีแล้วในปี 2011 ทว่าสหรัฐฯกลับยังคงขาดดุลการค้าต่อทั่วโลกในระดับ 4.8% ของจีดีพี
เฉิน ระบุว่า ตัวเลขสถิติเช่นนี้บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯนั้นมีความรับผิดชอบที่จะต้องลดการขาดดุลของตนลงมา
“ทำไมสหรัฐฯจึงมีการขาดดุลการค้าโดยรวมสูงถึง 700,000 ล้านดอลลาร์? ทำไมจีนจึงมีการเกินดุลการค้าโดยรวมเพียงแค่ 150,000 ล้านดอลลาร์ แต่มีการเกินดุลการค้าสหรัฐฯสูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์” เฉิน ตอบ เมื่อถูกผู้สื่อข่าวซักถาม
“ทุกๆ คนที่ปราศจากอคติ และติดอาวุธด้วยหลักเศรษฐศาสตร์แบบสามัญสำนึก ย่อมสามารถที่จะหาข้อสรุปอันถูกต้องได้กันทั้งนั้น” เขากล่าว
การแถลงของเฉินคราวนี้ บังเกิดขึ้น 1 วันหลังจากรัฐสภาสหรัฐฯผ่านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวที่โอบามาบอกว่าจะลงนามประกาศใช้ ก่อนการออกกฎหมายฉบับนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯอาศัยมาตรการต่อต้านการทุ่มตลาด มาขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เก็บจากสินค้าของ “ระบบเศรษฐกิจซึ่งมิใช่แบบตลาด” ซึ่งได้รับการอุดหนุนจากรัฐจนทำให้มีความได้เปรียบในการแข่งขันอย่างไม่เป็นธรรม นับตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา แต่ในเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ศาลอุทธรณ์ของสหรัฐฯพิพากษาว่า กระทรวงไม่มีอำนาจกระทำเรื่องนี้
การที่ 2 สภาของสหรัฐฯอนุมัติร่างรัฐบัญญัติฉบับนี้ เท่ากับให้อำนาจตามกฎหมายในเรื่องนี้แก่กระทรวงพาณิชย์นั่นเอง เมื่อโอบามาลงนามให้เป็นรัฐบัญญัติที่มีผลบังคับใช้ ย่อมหมายความว่า คำสั่งให้เก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงขึ้นจากสินค้านำเข้าของจีนและเวียดนาม ซึ่งทางกระทรวงออกไปแล้วจำนวน 24 ฉบับ ตลอดจนเรื่องที่ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนอีก 6 เรื่อง จะยังคงมีผลต่อไป ทั้งนี้ในจำนวนคำสั่ง 24 ฉบับดังกล่าว มีถึง 23 ฉบับซึ่งมุ่งลงโทษเล่นงานสินค้านำเข้าที่ได้รับการอุดหนุนจากจีน
รัฐมนตรีพาณิชย์ของจีน กล่าวว่า การวิพากษ์วิจารณ์จีนของสหรัฐฯนั้นไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริง
“รัฐบาลสหรัฐฯก็เคยอุดหนุนพวกบริษัทของตน อย่างเช่น ผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 ... แต่จีนก็ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ หรือเริ่มต้นใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดอย่างขนานใหญ่เอากับความเคลื่อนไหวดงกล่าว” เฉินบอก
เขากล่าวอีกว่า อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนของจีนในเวลานี้ อยู่ในระดับใกล้เคียงกับมูลค่าที่ยุติธรรมแล้ว และจีนไม่มีเจตจำนงที่จะปล่อยให้เงินหยวนปรับตัวแข็งค่าขึ้นแรงๆ แต่อย่างใด