เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่สหประชาชาติเผย หายนะภัยที่เกิดขึ้นทั่วโลกในปี 2011 โดยเฉพาะมหาภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิในญี่ปุ่น รวมถึงน้ำท่วมครั้งใหญ่ของไทย สร้างความเสียหายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เป็นมูลค่ารวมมากกว่า 380,000 ล้านดอลลาร์
มาร์กาเรตา วาห์ลสตรอม ทูตพิเศษยูเอ็นด้านการลดความเสี่ยงภัยพิบัติกล่าวว่า ขณะที่หลายประเทศกำลังบริหารจัดการเพื่อควบคุมยอดผู้เสียชีวิตจากเภทภัยเหล่านั้น แต่ความเสียหายทางเศรษฐกิจกลับเพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เคยมีมา
เธอระบุว่า ค่าเสียหาย 380,000 ล้านดอลลาร์นั้นเป็นเพียงตัวเลขต่ำสุด แต่ก็ยังสูงกว่าสถิติเดิม เมื่อสหรัฐฯ ถูกพายุเฮอริเคนแคทรีนาถล่มในปี 2005 ถึง 2 ใน 3 โดยในครั้งนี้ แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น และนิวซีแลนด์ รวมถึงอุทกภัยในไทย และอีกหลายประเทศ ดันค่าเสียหายให้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
"แผ่นดินไหวเป็นภัยพิบัติที่มีมูลค่าความเสียหายมากที่สุด และสูญเสียเลือดเนื้อมากที่สุด" วาห์ลสตรอมกล่าวในการแถลงข่าวรำลึกครบรอบ 1 ปี มหาภัยพิบัติญี่ปุ่น เมื่อ 11 มีนาคมปีที่แล้ว
แผ่นดินไหว สึนามิ และอุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่ฟูกูชิมะ สร้างความเสียหายมากกว่า 210,000 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของสำนักงานการลดความเสี่ยงภัยพิบัติของยูเอ็น ซึ่งนำโดยวาห์ลสตรอม
ขณะที่ มูลค่าความเสียหายจากภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ของไทยอยู่ที่มากกว่า 40,000 ล้านดอลลาร์
ส่วน ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ประเมินว่าแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ปีที่ผ่านมานั้น มีมูลค่าความเสียหาย เฉพาะในการบูรณะซ่อมแซม ประมาณ 25,000 ดอลลาร์
วาห์ลสตรอมชี้ว่า "ประเด็นสำคัญคือนี่เป็นการเพิ่มขึ้น และแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก โดยความเสียหายทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น"
"ทั่วโลก การเสียชีวิตจากภัยพิบัติต่างๆ นั้นลดลงตามส่วน เนื่องจากหลายประเทศมีระบบเตือนภัย และการเตรียมความพร้อมแต่เนิ่นๆ ดีขึ้น" เธอกล่าว โดยว่า "แต่สภาพเศรษฐกิจของภัยพิบัติกำลังกลายเป็นภัยใหญ่สำหรับหลายประเทศ"
ตั้งแต่ปี 1999-2011 ถนนความยาวรวม 73,000 กิโลเมตรถูกตัดขาดโดยภัยพิบัติต่างๆ ใน 19 ประเทศ แถบแอฟริกา เอเชีย และละตินอเมริกา โรงเรียนเกือบ 64,000 แห่งถูกทำลายในเวลาเดียวกัน วาห์ลสตรอมเสริม
เธอยังสำทับว่า 50% ของประชากรโลก 7,000 ล้านคนกำลังเสี่ยงอันตรายจากหายนะต่างๆ เนื่องจากพวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย