เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันนิวยอร์กขยับขึ้นต่อเนื่องเมื่อวันจันทร์(20) หลังอิหร่านระงับส่งออกไปยังฝรั่งเศสและอังกฤษ ขณะที่จีนก็ผ่อนคลายนโยบายการเงินท่ามกลางความคาดหมายว่าอียูจะอนุมัติเงินกู้ก้อนใหม่แก่กรีซ
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม เพิ่มขึ้น 1.68 ดอลลาร์ ปิดที่ 104.92 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ ปิดที่ 120.05 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนของราคาน้ำมันมีขึ้นจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิหร่านกับยุโรป โดยเมื่อวันอาทิตย์(19) อิหร่าน แถลงว่าจะระงับการส่งออกน้ำมันไปยังฝรั่งเศสและอังกฤษเพื่อตอบโต้อียูที่ออกมาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันจากพวกเขา ที่จะมีผลอย่างสมบูรณ์ในวันที่ 1 กรกฎาคม
แม้คาดหมายว่าการตัดสินใจของอิหร่านจะไม่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงนัก เนื่องจากเมื่อปีที่แล้วฝรั่งเศสนำเข้าน้ำมันจากเตหะรานเพียงร้อยละ 3 จากปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ส่วนอังกฤษก็เชื่อว่าไม่ได้นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านมานานแล้ว
อย่างไรก็ตามมันเปรียบเสมือนคำเตือนอันแข็งกร้าวที่ส่งมาถึงชาติอื่นๆในอียูซึ่งพึ่งพาน้ำมันจากเตหะราน ไม่ว่าจะเป็นอิตาลร สเปนและกรีซ หลังจากเมื่อวันจันทร์(20) พวกเขาก็ออกมาขู่ออกรอบว่าอาจงดส่งออกน้ำมันไปยังชาติอื่นๆในสหภาพยุโรปเพิ่มเติม หากว่าประเทศเหล่านั้นยังคงดำเนินการที่เป็นปกปักษ์
นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ราคาน้ำมันวานนี้(20) ยังปิดบวก หลังจากนักลงทุนขานรับข่าวที่มีออกมาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ว่าธนาคารกลางจีน ปรับลดอัตราเงินสดสำรองของกลุ่มธนาคารปล่อยกู้ ลง 0.5 เปอร์เซนต์นับตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ เพื่อผ่อนปรนข้อจำกัดในการปล่อยกู้
การตัดลดอัตราเงินสดสำรองครั้งนี้ ทำให้อัตราเงินสดสำรองที่กลุ่มธนาคารปล่อยกู้รายใหญ่ของจีน ต้องกันสำรองไว้ที่ธนาคารกลาง ปรับลงมาอยู่ที่ 20.5 เปอร์เซนต์ ส่งผลให้ธนาคารมีสภาพคล่องดีขึ้นและปล่อยสินเชื่อได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่ารัฐบาลจีนยังเดินหน้าที่จะลดข้อจำกัดต่างๆที่กำหนดออกมาเพื่อจัดการกับภาวะเงินเฟ้อและราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูง หลังจากเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนปีที่แล้ว ก็ประกาศการตัดลดตราเงินสดสำรองไปแล้วรอบหนึ่ง
ขณะเดียวกันราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากสัญญาณที่ชัดเจนขึ้นกว่าอียูจะอนุมัติเงินกู้ก้อนใหม่แก่กรีซ ช่วยให้เอเธนส์ไม่ต้องผิดนัดชำระหนี้