เอเอฟพี/เอเจนซี - ราคาน้ำมันปิดผสมผสานวานนี้(19) โดยตลาดนิวยอร์กขยับลงจากสัญญาณอุปสงค์ที่อ่อนแอในสหรัฐฯ ขณะที่วอลล์สตรีท ปิดบวกในกรอบแคบๆ หลังได้ปัจจัยหนุนของภาคแรงงานและผลประกอบการที่สดใสของธนาคารรายใหญ่
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 20 เซนต์ ปิดที่ 100.39 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 89 เซนต์ ปิดที่ 111.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กปิดลบหลังกระทรวงพลังงานสหรัฐฯเปิดเผยว่าอุปสงค์ผลิตภัณฑ์น้ำมันทุกชนิดในช่วง 4 สัปดาห์ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 13 มกราคม ลดลงถึงร้อยละ 7.2 ขณะที่คลังน้ำมันดิบสำรองที่ลดลงในสัปดาห์ที่แล้วก็ไม่ได้มาจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น แต่เกิดจากการนำเข้าลดลง
นอกจากนี้แล้วตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังอ่อนตัวลงจากกรณีที่ยุโรปยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการบังคับใช้มาตรการห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ที่้ด้วยความกังวลว่ามันอาจส่งผลกระทบทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นทำให้กรีซไม่สู้เต็มใจสนับสนุนมาตรการนี้
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้(19) ปิดบวกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน จากรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของธนาคารยักษ์ทั้งแบงค์ ออฟ อเมริกาและมอร์แกน สแตนลีย์ รวมถึงยอดผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานที่ลดลงต่ำสุดในรอบเเกือบ 4 ปี
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 40.03 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,623.98 แนสแดค เพิ่มขึ้น 18.62 จุด (0.67 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,788.33 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 6.46 จุด (0.49 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,314.50
นอกจากายงานผลประกอบการอันแข็งแกร่งของแบงค์ ออฟ อเมริกาและมอร์แกน สแตนลีย์แล้ว ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้วอลล์สตรีทปิดในแดนบวกเมื่อวานนี้(19) คือยอดผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานที่ลดลงอย่างมาก ยืนยันสัญญาณที่ส่อออกมาเร็วๆนี้ว่าตลาดแรงงานของประเทศแห่งนี้กำลังฟื้นตัว
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯระบุว่าจำนวนผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วเหลือ 352,000 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้านั้นถึง 50,000 คน โดยตัวเลขดังกล่าวถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2008 ในช่วงที่เศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยได้ไม่กี่เดือน