สิงคโปร์เตือนมะกัน “สงวนคำพูด” โจมตีจีน-ชี้กีดกั้นพญามังกร “เป็นไปไม่ได้”

เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่สิงคโปร์ฝากคำเตือนถึงสหรัฐฯ ให้ใช้ความระมัดระวังเมื่อจะกล่าวพาดพิงถึงจีน พร้อมระบุว่า แนวคิดที่จะสกัดกั้นอิทธิพลของปักกิ่งอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในเอเชีย

เค. ชานมูกัม รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ แสดงความมั่นใจระหว่างเยือนกรุงวอชิงตันวานนี้ (8) ว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยอมรับความจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกับจีน ทว่าการเมืองภายในกลับยังมีการใช้ถ้อยคำต่อต้านจีนอยู่

“พวกเราในสิงคโปร์เข้าใจดีว่า นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง แต่ชาวอเมริกันก็ควรตระหนักถึงปฏิกิริยาตอบโต้ที่จะติดตามมา ซึ่งอาจก่อปัญหาใหม่ในภูมิภาคโดยไม่เจตนาก็เป็นได้” ชานมูกัมระบุ

แม้จะเป็นหุ้นส่วนใกล้ชิดและยอมให้สหรัฐฯมาตั้งฐานทัพอยู่ในประเทศของตน ทว่าสิงคโปร์ยังต้องพึ่งการค้าขายกับมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในเอเชีย เช่น จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย

“พวกเขาเป็นประเทศที่มีพลเมือง 1.3 พันล้านคน ฉะนั้น การบอกว่าจะควบคุมจีนจึงเป็นคำพูดที่ฟังไม่ขึ้น และออกจะเหลวไหลด้วยซ้ำ” ชานมูกัม กล่าวบนเวทีสัมมนาว่าด้วยเรื่องสิงคโปร์ ณ สถาบันเพื่อการศึกษายุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศ (CSIS)

เขากล่าวว่า จีน “มุ่งมั่นพัฒนาในทุกๆด้าน เพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งที่สมควรบนเวทีโลก ซึ่งพวกเขาก็จะทำได้สำเร็จ”

แม้จะพยายามตัดทอนงบรายจ่ายสำหรับกองทัพเพื่อบรรเทาปัญหาขาดดุลงบประมาณ แต่สหรัฐฯ ยังคงให้ความสำคัญกับเอเชีย ซึ่งกำลังถูกพลิกโฉมด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และการก้าวขึ้นมามีอิทธิพลของจีน

กองทัพสหรัฐฯ เร่งสานความสัมพันธ์กับฟิลิปปินส์และเวียดนาม ซึ่งกล่าวหาจีนว่าใช้แสนยานุภาพทางทหารแผ่อิทธิพลเข้าครอบครองหมู่เกาะพิพาทในทะเลจีนใต้

รัฐมนตรีต่างประเทศสิงคโปร์ชี้ว่า สหรัฐฯ ควรหาทางผูกสัมพันธ์กับเอเชียด้วยวิธีอื่นๆ เช่น ผลักดันข้อตกลงความร่วมมือภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific Partnership) ซึ่งจะมีสมาชิกไม่น้อยกว่า 9 ประเทศ

“การมุ่งขยายอิทธิพลทางทหารเข้ามาในเอเชีย โดยไม่ใส่ใจแง่มุมอื่นๆ เป็นแนวคิดที่ไม่ถูกต้อง” ชานมูกัม เผย

รัฐบาลประธานาธิบดี บารัค โอบามา เคยแถลงหลายครั้งว่า ยินดีให้จีนก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจใหม่ และจะสานความร่วมมือกับปักกิ่งในด้านต่างๆ ขณะที่รองประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก็มีถ้อยแถลงวานนี้ (8) ก่อนจะเดินทางไปพบกับ สี จิ้นผิง รองประธานาธิบดีของจีน ว่า ปรารถนาให้สองมหาอำนาจร่วมมือในกิจการสำคัญต่างๆ

ด้าน เคิร์ต แคมป์เบลล์ นักการทูตอาวุโสของสหรัฐฯ ก็กล่าวบนเวทีสัมมนาเดียวกันว่า “จำเป็นที่สหรัฐฯจะต้องระวังคำพูด” และวอชิงตันต้องการมีสัมพันธ์ที่ดีกับปักกิ่งเพื่อความเจริญรุ่งเรืองทั้ง 2 ฝ่าย

“ทุกประเทศในเอเชียล้วนต้องการมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับจีน นั่นเป็นเรื่องธรรมชาติ และยุทธศาสตร์ใดๆก็ตามของอเมริกาจะต้องคำนึงถึงจุดนี้” แคมป์เบลล์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออก ระบุ

“และทุกๆ ประเทศในเอเชียก็ต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ ด้วยเหมือนกัน” เขากล่าว

แม้ ชานมูกัม จะไม่ได้ยกตัวอย่างความคิดเห็นในสหรัฐฯที่เป็นไปในเชิงปฏิปักษ์กับจีน ทว่าที่ผ่านมา ส.ส. สหรัฐฯ หลายคนก็เคยแสดงความกังวลว่าจีนจะก้าวขึ้นมามีอิทธิพลในเวทีโลก

ระหว่างการประชุมสภาคองเกรสเมื่อวันอังคาร (7) ดานา โรห์ราเบเคอร์ ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐแคลิฟอร์เนีย เรียกร้องให้สหรัฐฯสนับสนุนฟิลิปปินส์ในการอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะพิพาทกับจีน โดยกล่าวว่า “เราต้องยืนหยัดเคียงข้างฟิลิปปินส์ เพื่อต่อต้านชาติที่เย่อหยิ่ง ก้าวร้าว และชอบแผ่อิทธิพลอย่างจีน เช่นเดียวกับที่เราสนับสนุนพวกเขาต่อต้านอิสลามสุดโต่ง”

พีท ฮอกสตรา สมาชิกพรรครีพับลิกันซึ่งหมายชิงที่นั่งในสภาสูงรัฐมิชิแกน ก็เคยโจมตีคู่แข่งโดยใช้ภาพยนตร์โฆษณาซึ่งกล่าวถึงหนี้สินที่สหรัฐฯ มีต่อจีน โดยโฆษณาดังกล่าวมีพรีเซ็นเตอร์สาวเอเชียออกมาพูดภาษาอังกฤษแบบผิดๆ ถูกๆ ว่า “เศรษฐกิจประเทศคุณตกต่ำ แต่ของเราดีมาก”