เอเอฟพี - ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปลดปล่อยจากโรงงานอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นหลังเกิดวิกฤตนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้า ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ซึงอาจส่งผลให้รัฐบาลประสบปัญหาในการลดคาร์บอนให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ รายงานเผยวานนี้(29)
แนวโน้มคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ญี่ปุ่นไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขในพิธีสารเกียวโต ซึ่งกำหนดให้ญี่ปุ่นต้องลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนลง 6 เปอร์เซ็นต์จากระดับเมื่อปี 1990 ภายในปี 2008-2012 หนังสือพิมพ์ธุรกิจ นิกเกอิ รายงาน
ปริมาณคาร์บอนที่ถูกปล่อยจากโรงงานของผู้ผลิตชั้นนำ 399 ราย มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 0.2 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และภายในเดือนมีนาคมปีนี้อาจสูงถึง 388 ล้านตัน ซึ่งถือว่าเพิ่มติดต่อกันเป็นปีที่ 2
ปริมาณก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมทุกประเภทของญี่ปุ่น โดยไม่รวมภาคพลังงานและก๊าซ จะสูงถึง 442 ล้านตัน ซึ่งเกือบเทียบเท่าสถิติของปีงบประมาณ 2010
กิจกรรมทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นซบเซาลงทันทีหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวและสึนามิถล่มชายฝั่งตะวันออก เมื่อวันที่ 11 มีนาคม ปี 2011 หลังจากนั้นยังเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในไทย ซึ่งส่งผลให้บริษัทญี่ปุ่นที่มาตั้งฐานการผลิตที่นี่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
การสั่งปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นส่งผลให้การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น เนื่องจากผู้ผลิตต้องหันมาใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าของตนเอง เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีไฟฟ้าสำรองเพียงพอสำหรับใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม นิกเกอิ ระบุ
การสรรหาทรัพยากรเพื่อผลิตไฟฟ้าในรูปแบบอื่นๆ เช่น พลังงานความร้อน ยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ปัญหาดังกล่าวอาจทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น หลังจากที่ญี่ปุ่นสั่งปิดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วประเทศในเดือนเมษายนนี้