น้ำมันพุ่งแรงหลังอียูงดนำเข้าเชื้อเพลิงจากอิหร่าน - หุ้นสหรัฐฯ คงที่

เอเอฟพี - ราคาน้ำมันพุ่งแรงเมื่อวันจันทร์ (23) หลังอียูมีมติห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ส่วนหนึ่งในมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่มีเป้าหมายยับยั้งเตหะรานเข้าถึงแหล่งทุนสำหรับอุดหนุนโครงการนิวเคลียร์ ขณะที่วอลล์สตรีททรงตัว หลังนักลงทุนรอฟังผลการเจรจาลดหนี้ของกรีซ



สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.25 ดอลลาร์ ปิดที่ 99.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 72 เซ็นต์ ปิดที่ 110.58 ดอลลาร์

หลังการเจรจาที่ยาวนานหลายสัปดาห์ ในที่สุดเมื่อวันจันทร์ (23) สหภาพยุโรปก็มีมติห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน ส่วนหนึ่งในความพยายามของสหรัฐฯ ที่หวังกดดันให้เตหะรานยุติโครงการนิวเคลียร์ ที่ชาติตะวันตกมองว่าลักลอบผลิตอาวุธนิวเคลียร์อย่างลับๆ ขณะที่อิหร่านยืนกรานปฏิเสธมาตลอด

นอกจากนี้ สหภาพยุโรปยังเห็นชอบคว่ำบาตรธนาคารกลางของอิหร่าน ขณะที่ยังรับประกันว่าการค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายยังสามารถดำเนินต่อไปภายใต้เงื่อนไขที่เข้มงวด

อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ยังส่งผลกระทบต่อตลาดยังไม่รุนแรงนัก เนื่องจากขณะที่มติห้ามนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านในทันที แต่ก็ยังเปิดทางให้ค่อยๆยุติสัญญาที่มีอยู่จากนี้จนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม แนวทางที่ออกแบบมาเพื่อลดผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ซึ่งพึ่งพาน้ำมันจากอิหร่านเป็นหลักโดยเฉพาะกรีซ

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (23) ปิดในกรอบแคบๆ หลังนักลงทุนผู้วิตกกังวลจับตาดูผลหารือของสหภาพยุโรป ที่มีเป้าหมายหล่อหลอมข้อตกลงลดหนี้ระหว่างกรีซกับบรรดาเจ้าหนี้เอกชน

ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ลดลง 11.21 จุด (0.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 12,709.27 แนสแดค ลดลง 2.62 จุด (0.09 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,784.08 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 0.54 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,315.92

ความเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีทไม่ค่อยคึกคักนัก ขณะที่นักลงทุนจับตาดูสถานการณ์ของกรีซที่กำลังพยายามเจรจาขอลดหนี้กับเจ้าหนี้เอกชนสำหรับเปิดทางให้มีเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะล้มละลายในเดือนมีนาคม