เอเจนซี - อินเดียไม่เรียกร้องให้สหรัฐฯยอมงดเว้นการคว่ำบาตรสถาบันการเงินของตน พร้อมยืนยันจะสั่งซื้อน้ำมันจากอิหร่านต่อไป รันจัน มาไท รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดียเผย วานนี้(17)
หลังจากสหรัฐฯประกาศคว่ำบาตรสถาบันการเงินต่างชาติที่ทำธุรกรรมกับธนาคารกลางอิหร่าน เมื่อวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมา ทำให้อินเดียจ่ายเงินซื้อน้ำมันจากอิหร่านได้ยากลำบากขึ้น และขณะนี้ก็มีการส่งคณะผู้แทนเดลีไปหารือปัญหากับกรุงเตหะรานแล้ว
สหรัฐฯระบุว่า จะยอมงดเว้นมาตรการคว่ำบาตรให้แก่ประเทศที่ยอมลดการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านลง หรือเมื่อการงดเว้นนั้นเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ และเสถียรภาพของตลาดพลังงานโลก
ขณะที่ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้ และตุรกี ต่างขอให้สหรัฐฯยอมผ่อนผันให้สถาบันการเงินของตน แต่อินเดียกลับระบุว่า ไม่ต้องการรับสิทธิพิเศษจากสหรัฐฯ และไม่คิดว่าการคว่ำบาตรครั้งนี้มีผลผูกพันทางกฎหมาย
"เรายอมรับมติคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติเท่านั้น แต่การคว่ำบาตรอื่นๆไม่ถือว่ามีผลผูกพันต่อประเทศอื่นด้วย... เราจึงจะนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านต่อไป" มาไท ระบุ
อินเดียซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเอเชียพยายามอย่างยิ่งที่จะคงการนำเข้าน้ำมันจากเตหะราน ซึ่งมีมูลค่ากว่า 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อปีเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องการรักษาสายสัมพันธ์อันดีกับวอชิงตันด้วย
คณะผู้แทนอินเดียเดินทางไปเยือนกรุงเตหะราน เพื่อหารือว่าจะสามารถซื้อขายน้ำมันต่อไปได้อย่างไร
"ผู้แทนของเรากำลังมองหากลไกที่จะช่วยให้อินเดียสามารถซื้อน้ำมันจากอิหร่านได้ต่อไป รวมถึงหนทางที่จะทำธุรกรรมการเงินต่อกันด้วย" มาไท เผย
อินเดียนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านราว 350,000-400,000 บาร์เรลต่อวัน หรือประมาณร้อยละ 12 ของความต้องการในประเทศ
สหรัฐฯและพันธมิตรทั่วโลกรุมกดดันอิหร่านให้ล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าปิดบังการพัฒนาระเบิดปรมาณูเอาไว้ ขณะที่เตหะรานยืนยันว่า โรงเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของตนมีจุดประสงค์ในด้านพลังงานเท่านั้น