อิหร่านแบะท่าพร้อมคืนโต๊ะเจรจานิวเคลียร์แม้สถานการณ์ตึงเครียด

เอเอฟพี - ซาอีด จาลิล หัวหน้าผู้แทนเจรจาเผอิหร่านพร้อมกลับสู่การเจรจาที่นำโดยอียูกับชาติมหาอำนาจ เพื่อผ่อนคลายความกังวลต่อโปรแกรมนิวเคลียร์ของพวกเขา แม้ความตึงเครียดกับสหรัฐฯพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ต่อคำขู่ปิดจะช่องแคบฮอร์มุซตอบโต้มาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม

"เราจะตอบโต้อย่างแข็งกร้าวและเจ็บแสบต่อภัยคุกคามใดๆต่อสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน" จาลิลบอกกับเหล่าทูตอิหร่านในเตหะรานเมื่อวันเสาร์(31)

อย่างไรก็ตามทั้งเขาและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็เปิดประตูอ้ารับการคืนสู่โต๊ะเจรจาที่หยุดชะงักมานานกับชาติมหาอำนาจที่นำโดยนางแคทเธอรีน แอชตัน หัวหน้านโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป (อียู) เกี่ยวกับความกังวลของชาติตะวันตกต่อโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน "เราบอกกับพวกเขาอย่างเป็นทางการแล้วว่าพร้อมกับคืนสู่การเจรจาบนพื้นฐานของความร่วมมือซึ่งกันและกัน" จาลิลบอก

ด้านเอกอัครราชทูตอิหร่านประจำเยอรมนีบอกกับสำนักข่าวเมห์รในวันเสาร์(31) ว่า "เราจะส่งหนังสือไปเร็วที่สุด หลังจากการเจรจารอบใหม่ถูกดำหนดวันขึ้นแล้ว" ขณะที่อาลี อัคบาร์ ซาเลฮี รัฐมนตรีต่างประเทศของเตหะราน ก็บอกกับสำนักข่าวแห่งรัฐระหว่างเยือนสำนักงานกระทรวงต่างปรเทศของจีนว่า "อิหร่านพร้อมสำหรับเดินหน้าเจรจานิวเคลียร์" แต่ต้องเป็นไปตามข้อเสนอของรัสเซีย

อิหร่านถูกสหประชาชาติคว่ำบาตรเป็นรอบที่ 4 แล้วต่อโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขาที่ทางรัฐบาลชาติตะวันตกกังวลว่าเตหะรานอาจใช้เป็นฉากบังหน้าในารผลิตอาวุธร้ายแรง ความทะเยอทะยานที่ทางอิหร่านปฏิเสธมาตลอด

ขณะเดียวกันสหรัฐฯและชาติพันธมิตรก็มีมาตรการคว่ำบาตรเอกภาคีต่อเศรษฐกิจของอิหร่านต่างๆ อย่างไรก็ตามมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวครั้งล่าสุดนี้ได้จุดชนวนการชุมนุมต่อต้านในเตหะรานและนำมาซึ่งการบุกรุกเข้าไปยังสถานทูตของอังกฤษ จนอังกฤษต้องตอบโต้ด้วยการปิดสถานทูตแห่งนั้นและสั่งเนรเทศทูตอิหร่านประจำลอนดอนออกนอกประเทศไปด้วย

ทั้งนี้ล่าสุดเมื่อวันเสาร์(31) สหรัฐฯได้มีมาตรการคว่ำบาตรใหม่ตามออกมาอีก หลังจาก บารัค โอบามา ได้ลงนามบังคับใช้้กฎหมายเข้มงวดต่อธนาคารกลางของอิหร่าน อันมีเป้าหมายเล่นงานตัดเส้นทางการขายน้ำมันของอิหร่าน ขณะที่สหภาพยุโรปกำลังพิจารณามาตรการอื่นๆรวมถึงห้ามนำเข้าน้ำมันจากเตหะราน ความเคลื่อนไหวที่กัดเซาะสัมพันธ์สองชาติให้มึนตึงขึ้นไปอีก

ก่อนหน้านี้รัฐมนตรีพลังงานของอิหร่านเตือนว่ามาตรการคว่ำบาตรเหล่านั้นอาจทำให้ราคาน้ำมันโลกทะยานไปอย่างน้อย 200 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล นอกจากนี้พวกเขายังขู่ปิดช่องแคบฮอร์มุซ ช่องทางลำเลียงน้ำมันสำคัญของโลก หากว่าชาติตะวันตกบังคับใช้มาตรการเหล่านั้นจริง