เอเอฟพี - ตำรวจเกือบ 1,000 นายในจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซียจะมีเวลา 1 เดือนเพื่อเลิกยาเสพติด ไม่เช่นนั้นจะถูกไล่ออกจากราชการ ผู้บัญชาการตำรวจเผยวันนี้(14)
อิสกันดาร์ ฮาซัน ผู้บัญชาการตำรวจอาเจะห์ เปิดเผยว่า ตำรวจร่วม 1,000 นาย หรือประมาณร้อยละ 6 ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ในจังหวัดอาเจะห์ ไม่ผ่านการทดสอบสารเสพติดของสำนักงานป้องกันสารเสพติดแห่งชาติ
ผลการตรวจพบว่า นายตำรวจเหล่านี้ใช้สารเสพติดหลายประเภท เช่น ยาไอซ์, กัญชา และ เอ็มดีเอ็มเอ ซึ่งเป็นสารประกอบสำคัญในยาเลิฟ และที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ารับการบำบัดสารเสพติดแล้วทั้งสิ้น 189 นาย
“เราจะให้เวลาพวกเขา 1 เดือนเพื่อดูว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมหรือไม่ ถ้าเปลี่ยนไม่ได้ก็ไล่ออก” ฮาซัน กล่าว พร้อมอธิบายว่า ประชาชนแถบนี้เสพกัญชากันอย่างแพร่หลาย และปลูกพืชชนิดนี้เพื่อใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารและเครื่องดื่มมาแต่โบราณ
2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจอาเจะห์สามารถยึดและทำลายกัญชา ซึ่งมีน้ำหนักเกือบ 2 ตัน
“ยาเสพติดหาได้ง่ายมากในอาเจะห์ และในอดีตก็ไม่มีคนใส่ใจปัญหานี้มากนัก” เขาเผย
เป็นที่ทราบกันดีว่า จังหวัดซึ่งอยู่ปลายด้านเหนือสุดของเกาะสุมาตราแห่งนี้เป็นเส้นทางขนยาเสพติดเข้ามาจำหน่ายในอินโดนีเซีย โดยเฉพาะยาไอซ์
รัฐบาลอินโดนีเซียกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงสำหรับผู้ลักลอบขนยาเสพติด โดยมีทั้งโทษประหารและจำคุกตลอดชีวิต ทั้งยังวางความผิดอาญาสำหรับผู้เสพ เช่นเมื่อไม่นานนี้ศาลอินโดนีเซียก็มีคำพิพากษาจำคุกเด็กชายชาวออสเตรเลียวัย 14 ปีเป็นเวลา 2 เดือน ฐานซื้อกัญชาน้ำหนัก 6.9 กรัม
อย่างไรก็ดี ตำรวจที่เสพยาเหล่านี้จะไม่ถูกจับกุม แม้อาเจะห์จะมีกฎหมายอิสลาม(ชารีอะห์)ที่กำหนดบทลงโทษสำหรับพลเมืองส่วนใหญ่ที่เป็นมุสลิมก็ตาม
อาเจะห์นำชารีอะห์มาใช้ร่วมกับกฎหมายบ้านเมืองตั้งแต่ปี 2001 โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนปกครองตนเองเพื่อบรรเทาความรู้สึกแบ่งแยก และมีตำรวจชารีอะห์เป็นผู้บังคับใช้กฎหมาย