xs
xsm
sm
md
lg

เยอรมนีฟันธงต้องลดหนี้กรีซเพิ่ม ลือจีนรับปากอัดฉีดกู้วิกฤตยุโรป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ที่ประชุมรัฐมนตรีคลัง และผู้ว่าการธนาคารกลางของชาติสมาชิกกลุ่มจี 20
เอเจนซีส์ – ขุนคลังเยอรมนีย้ำชัด วิกฤตหนี้กรีซไม่อาจสะสางได้ ถ้าไม่มีการลดหนี้ ซึ่งมีแนวโน้มสูงว่าพวกเจ้าหนี้ภาคเอกชนจะต้องยอมหั่นลงมากกว่าที่เคยตกลงกันไว้ ขณะที่หนังสือพิมพ์ในอังกฤษ ระบุ จีนแอบตกลงลับๆ อัดฉีดเงินนับพันล้านกู้วิกฤตยูโรโซน แต่มีข้อแม้ยุโรปต้องปฏิรูปงบประมาณและลดการใช้จ่าย ด้านกรีซเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ ด้านหนึ่งสภาต้องผ่านมาตรการรัดเข็มขัด อีกด้านสหภาพแรงงานใหญ่ 2 แห่งประกาศผละงาน 48 ชั่วโมง

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (16) ระหว่างตอบข้อซักถามของเครือข่ายทีวีเออาร์ดี ที่ว่า จะมีการลดหนี้ให้กรีซ 50-60% หรือไม่ วูล์ฟกัง ชาออยเบิล รัฐมนตรีคลังเยอรมนี ตอบว่า การแก้ปัญหาระยะยาวสำหรับกรีซจะไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่มีการลดหนี้ และมีแนวโน้มว่าจะต้องลดมากกว่าที่พิจารณากันไว้ในช่วงฤดูร้อน

ทั้งนี้ เดือนกรกฎาคม ธนาคารหลายแห่งของยุโรปตกลงลดหนี้โดยสมัครใจให้กรีซ 21%

เยอรมนี และ ฝรั่งเศส นั้น ประกาศไว้ว่า จะเสนอแผนการกู้วิกฤตในการประชุมผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ที่บรัสเซลส์วันที่ 23 นี้

“เรากำลังพิจารณารายละเอียดกันอยู่ แม้แผนการทั้งหมดอาจยังไม่พร้อมในซัมมิตอียู แต่หลักการต้องชัดเจน”

“แน่นอนถ้าเป็นไปได้ เราต้องการตกลงกับธนาคาร (ภาคเอกชน) โดยพวกเขาจะต้องมีระดับการมีส่วนร่วมที่เพียงพอ เพื่อนำเสนอวิธีแก้ปัญหาระยะยาวให้แก่กรีซ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องยากมาก” ชาออยเบิลสำทับ

นอกจากนี้ ชาออยเบิล ยังให้สัมภาษณ์กับเครือข่ายทีวีแซดดีเอฟ โดยย้ำความจำเป็นที่บรรดาแบงก์ในยุโรปจะต้องเพิ่มทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันวิกฤตลุกลามเนื่องจากระบบธนาคารล่ม

“เพราะเราตระหนักว่าขณะนี้แบงก์ต่างไม่ไว้ใจกันและกัน อันเป็นสาเหตุที่ตลาดระหว่างธนาคารทำงานไม่ได้ผลอย่างที่ควรจะเป็น”

จีนซุ่มสัญญาช่วยยูโรโซน

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์ซันเดย์ ไทม์สของอังกฤษ รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า จีนให้สัญญาลับๆ ว่าจะสนับสนุนเงินนับหมื่นล้านแก่ยูโรโซน โดยแลกกับการปฏิรูปงบประมาณและการลดการใช้จ่ายสาธารณะ

รายงานระบุว่า ตัวแทนของจีนในที่ประชุมรัฐมนตรีคลังจี20 เมื่อวันเสาร์ (15) ระบุว่าปักกิ่งยินดีอัดฉีดเงินหลายหมื่นล้านเพื่อให้ยูโรโซนนำไปซื้อสินทรัพย์ด้านโครงสร้างพื้นฐานจากประเทศที่มีปัญหาหนี้ และธนาคารจีนยังเต็มใจซื้อพันธบัตรคลังยูโรโซนเพิ่มเติมอีกด้วย

“จีนต้องการความมั่นใจว่า ยุโรปรู้ขนาดของปัญหา และไม่ทำให้ปัญหาใหญ่โตขึ้นก่อนที่จีนจะตกลงช่วยเหลือ” ซันเดย์ไทม์สระบุ

ด่านทดสอบสำคัญ

สัปดาห์นี้จะเป็นช่วงเวลาแห่งการทดสอบสำคัญของกรีซ เนื่องจากลูกจ้างพนักงานตลอดจนข้าราชการในกิจการต่างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ประกาศจะหยุดทำงาน 48 ชั่วโมงโดยเฉพาะในวันพฤหัสบดี (20) ที่รัฐสภากำหนดโหวตรับรองมาตรการรัดเข็มขัดตามการเรียกร้องของพวกเจ้าหนี้ต่างประเทศ

สหภาพแรงงานสำคัญ 2 แห่งของกรีซ ซึ่งเป็นตัวแทนแรงงานราวครึ่งหนึ่งของกำลังแรงงานทั้งหมด 4 ล้านคน ประกาศว่าครั้งนี้จะเป็นหนึ่งในการนัดหยุดงานครั้งใหญ่ที่สุดนับจากวิกฤตเริ่มต้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยกิจการที่จะปิดทำการมีทั้งสถาบันรัฐ เป็นต้นว่า สำนักงานสรรพากร โรงเรียนรัฐบาล สนามบิน ธนาคาร บริการด้านอาหาร การเดินทาง โรงพยาบาล กระทั่งผู้พิพากษาทั่วประเทศยังรับพิจารณาเฉพาะคดีสำคัญๆ เท่านั้น

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ศุลกากรซึ่งทำหน้าที่อนุญาตการจัดส่งน้ำมันที่โรงกลั่น ยังจัดการนัดหยุดงาน 24 ชั่วโมงในวันจันทร์ (17) และจะตัดสินว่าจะขยายเวลาออกไปหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลรุนแรงต่อซัปพลายน้ำมันภายในประเทศ

กระนั้น นายกรัฐมนตรีจอร์จ ปาปันเดรอู ที่มีคะแนนนิยมร่วงกู่ไม่กลับ ยังคงยืนยันผลักดันมาตรการที่ประชาชนคัดค้าน ซึ่งรวมถึงการขึ้นภาษี การลดเงินเดือนและบำนาญ การปลดข้าราชการ ฯลฯ

คาดว่า พรรครัฐบาลที่มีชื่อว่า PASOK ซึ่งมีเสียงข้างมากเกินมาแค่ 4 ที่นั่ง จะให้การสนับสนุนร่างข้อเสนอนี้เช่นเดียวกับพรรคฝ่ายค้านขนาดเล็ก ในการลงมติที่อาจแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนในวันพุธและพฤหัสบดี

การติดกับดักภาวะถดถอยรุนแรงและหนี้ภาครัฐที่สูงถึง 162% ของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ทำให้กรีซต้องปิดตลาดพันธบัตรและมีแนวโน้มขาดแคลนเงินสดภายในไม่กี่สัปดาห์หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากนานาชาติ

นักเศรษฐศาสตร์มากมายเชื่อว่าเอเธนส์ไม่สามารถเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ได้อีกต่อไป ขณะที่ปาปันเดรอูให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเมื่อวันอาทิตย์ว่า การผิดนัดชำระหนี้จะเป็น “หายนะ” สำหรับกรีซ

อนึ่ง คณะตรวจสอบจากอียูและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เสนอเมื่อสัปดาห์ที่แล้วให้ปล่อยเงินกู้งวดต่อไปจำนวน 8,000 ล้านยูโรเ พื่อให้กรีซมีเงินงบประมาณใช้จ่ายได้ตลอดเดือนหน้า

แต่นั่นยังเป็นเพียงการผ่อนคลายชั่วคราวเท่านั้น อียู และ ไอเอ็มเอฟ ยังเรียกร้องให้เอเธนส์ผลักดันมาตรการรัดเข็มขัดที่เข้มงวดขึ้น นอกเหนือจากการลดค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์กรีซในช่วงหลังสงคราม
กำลังโหลดความคิดเห็น