ชี้ความผิดนักบิน ต้นตอเหตุเครื่องบินเนปาลชนเขาเอเวอเรสต์

เอเอฟพี - หัวหน้าหน่วยกู้ภัยของท่าอากาศยานนานาชาติของเนปาลในวันจันทร์ (26) กล่าวโทษความผิดพลาดของนักบินสำหรับอบัติเหตุเครื่องบินนำเที่ยวขนาดเล็กประสบอุบัติเหตุตกขณะกำลังนำนักท่องเที่ยวกลับจากบินชมเทือกเขาเอเวอเรสต์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เครื่องบินบีชคราฟต์ของสายการบินพุทธแอร์ บรรทุกนักท่องเที่ยวทั้งหมด 16 ราย ประกอบด้วย ชาวอินเดีย 10 ราย ชาวอเมริกัน 2 ราย ชาวญี่ปุ่น 1 ราย และชาวเนปาลอีก 3 ราย พร้อมลูกเรืออีก 3 ราย ตกลงบริเวณไหล่เขาเขตโกดาวารี ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ ประมาณ 10 กิโลเมตร ท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้าย โดยมีทั้งฝนตกหนักและหมอกหนา

พิมเรช ลัล การ์นา หัวหน้าแผนกกู้ภัย ณ ท่าอากาศยานตรีภูวัน ปฏิเสธถึงความเป็นไปได้ถึงเหตุขัดข้องทางเทคนิค “ถ้ามันเป็นปัญหาทางเทคนิค มันต้องมีนัยบางอย่างแสดงให้เห็น เครื่องบินบินอยู่กลางอากาศนานกว่า 45 นาที ไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนระหว่างนั้น สภาพอากาศอันเลวร้ายอาจเป็นต้นตอให้นักบินตัดสินใจผิดพลาด”

ทีมสืบสวนของรัฐบาลบอกว่าจะต้องใช้เวลาราว 3 เดือนสำหรับสรุปรายงานถึงต้นตอของโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ขณะที่สายการบินพุทธแอร์ระบุก็กำลังสืบสวนอุบัติเหตุซึ่งเกิดขึ้นกับเครื่องบิน Beechcraft 1900D เช่นกัน นอกจากนี้แล้ว ทางสายการบินยังระงับเที่ยวบินหลายเที่ยวในวันจันทร์ (26) เพื่อแสดงความไว้อาลัยแก่เหตุการณ์อันน่าสลด

เจ้าหน้าที่สืบสวนพบกล่องดำบันทึกการบินแล้ว หลายชั่วโมงหลังจากเครื่องบินตก ขณะที่ศพของนักท่องเที่ยวและลูกเรือถูกนำไปยังโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกาฐมาณฑุ เพื่อชันสูตรและคาดหมายว่าจะอนุญาตให้ครอบครัวนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาในวันจันทร์ (26)

บริษัท พุทธแอร์ เสนอแพกเกจ “ประสบการณ์ท่องเอเวอเรสต์” โดยการนำนักท่องเที่ยวจากกรุงกาฐมาณฑุ บินชมทัศนียภาพรอบเทือกเขาเอเวอเรสต์ และทางบริษัทได้รับประกันว่า เครื่องบีชคราฟต์ลำนี้ “เป็นเครื่องบินภายในประเทศที่ปลอดภัยที่สุด” ของเนปาล

การเดินทางโดยเครื่องบินในเนปาลกำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เนื่องจากพื้นที่ต่างๆ มีข้อจำกัดเรื่องถนนหนทาง ดังนั้น ชุมชนจำนวนมากที่ตั้งอยู่แถบเทือกเขา สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเดินเท้า หรือนั่งเครื่องบิน เท่านั้น

แหล่งข่าวคาดเดาว่านักบินของเที่ยวบินเมื่อวันอาทิตย์ (26) อาจสูญเสียการควบคุมหลังจากตัดสินใจลดระดับลงให้ต่ำกว่าแนวหมอกหนาทึบก่อนนำเครื่องลงจอด ขณะที่สื่อมวลชนท้องถิ่นบ่งชี้ว่า ณ ช่วงหนึ่งนักบินลดระดับความสูงลงมาบินอยู่แค่ 5,400 ฟุต ทั้งที่ระดับขั้นต่ำของการบินที่มีความปลอดภัยควรสูงกว่านั้นอีกอย่างน้อย 1,000 ฟุต