เอเอฟพี/เอเจนซี - บรรดาผู้นำทั่วโลก, องค์การระหว่างประเทศ ตลอดจนแกนนำสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติของลิเบีย (เอ็นทีซี) ถกหารือกันที่กรุงปารีสเมื่อวันพฤหัสบดี (1) เพื่อวางพิมพ์เขียวกำหนดทิศทางอนาคตการเมืองของลิเบียหลังยุคการปกครองของมูอัมมาร์ กัดดาฟี ถึงแม้อีกด้านหนึ่งบุตรชายของกัดดาฟีจะออกมาประกาศผ่านสื่อว่ายังไม่ยอมแพ้ต่อฝ่ายต่อต้านในสงครามกลางเมืองก็ตาม
ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แห่งฝรั่งเศส พร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษ สองผู้นำชาติหัวหอกในการแทรกแซงลิเบียด้วยปฏิบัติการทางทหาร จับมือเป็นเจ้าภาพร่วมกันในการประชุมที่กรุงปารีสคราวนี้ โดยวาระสำคัญก็คือ การกำหนดทิศทางอนาคตของลิเบียยุคใหม่ภายหลังการปกครองแบบเผด็จการของกัดดาฟี ทั้งนี้มีคณะผู้แทนจาก 60 ประเทศ พร้อมด้วยองค์การระหว่างประเทศ ตลอดจนบรรดาผู้นำฝ่ายปฏิวัติของลิเบีย มาร่วมประชุมกันอย่างครบครัน
การพูดคุยหารือในช่วงแรกซึ่งกินเวลา 3 ชั่วโมง มุ่งเน้นไปที่ประเด็นการวางรากฐานโครงสร้างทางการเมืองและเศรษฐกิจให้แก่ลิเบียเสียใหม่ โดยที่บรรดามหาอำนาจตะวันตกพยายามจะวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอยดังเช่นกรณีที่อิรัก ซึ่งเกิดปัญหาต่างๆ ตามมาไม่หยุดหย่อนภายหลังตะวันตกเข้าไปช่วยจัดตั้งรัฐบาล
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังจะหารือกันในเรื่องการระดมเงินทุนช่วยเหลือแก่ลิเบียในการฟื้นฟูบูรณะประเทศ รวมถึงบรรเทาความทุกข์ยากแก่ราษฎร ตลอดจนการฝึกฝนเจ้าหน้าที่ตำรวจลิเบียเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
สำหรับในด้านการทูตนั้น การประชุมครั้งนี้ยังมุ่งหมายให้เป็นเวทีสำหรับนานาชาติในการให้การสนับสนุนสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติของลิเบีย (เอ็นทีซี) เป็นตัวแทนของรัฐบาลและประชาชนลิเบียอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วย หลังจากที่มีหลายประเทศออกมาประกาศรับรองรัฐบาลเอ็นทีซีแล้วก่อนหน้านี้ เป็นต้นว่า สหรัฐฯ, ฝรั่งเศส, อังกฤษ และล่าสุดก็คือ รัสเซีย ประเทศซึ่งเคยคัดค้านปฏิบัติการแทรกแซงทางทหารโดยองค์การนาโต้มาตลอด
ทางด้าน มุสตาฟา อับเดล จัลอิล ประธานสภาเอ็นทีซี มีกำหนดจะร่วมประชุมหารือในช่วงเที่ยงตามเวลาท้องถิ่น โดยวาระหลักก็คือการร่างเค้าโครงโรดแม็ปของสภาเอ็นทีซี ซึ่งมุ่งเน้นการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่, กำหนดการจัดการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 18 เดือนข้างหน้า ตลอดจนแสวงหาแนวทางหลีกเลี่ยงป้องกันไม่ให้เกิดการแก้แค้นนองเลือด
ขณะที่ ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ ซึ่งไปร่วมประชุมคราวนี้ด้วยนั้น เตรียมใช้โอกาสนี้ลองหยั่งเสียงผู้แทนจากสภาเอ็นทีซีว่า ฝ่ายปฏิวัติมีความต้องการด้านปัจจัยอะไรบ้างสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
ด้านสถานการณ์ความขัดแย้งภายในลิเบียระหว่างฝ่ายต่อต้านกับฝ่ายกัดดาฟีซึ่งเวลานี้สูญเสียอำนาจปกครองเกือบหมดทั้งประเทศแล้ว ปรากฏว่า ล่าสุดซาอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนและทายาททางการเมืองของกัดดาฟี ซึ่งกำลังกบดานหลบซ่อนตัวอยู่ ได้ออกมาประกาศผ่านสื่อโทรทัศน์ซีเรียว่า ทหารผู้ที่ยังจงรักภักดีต่อกัดดาฟีจะยืนหยัดต่อสู้ถวายหัวจนตัวตาย
การปลุกระดมให้ทหารลุกขึ้นต่อต้านกองกำลังฝ่ายปฏิวัติคราวนี้ มีขึ้นในช่วงที่ชาวมุสลิมลิเบียกำลังเฉลิมฉลองเทศกาลอีดีลฟิฏรี เนื่องในโอกาสวาระสิ้นสุดของการถือศีลอดเดือนรอมฎอน
ซาอิฟยังส่งคำเตือนไปถึงพวกนักรบฝ่ายกบฏกรณีที่เตรียมจะบุกเมืองซีราเต เมืองบ้านเกิดของกัดดาฟี และเป็นฐานที่มั่นสำคัญแห่งสุดท้ายที่ยังอยู่ในความควบคุมของทหารผู้สวามิภักดิ์กัดดาฟี
อย่างไรก็ตาม ท่าทีดื้อรั้นดันทุรังของซาอิฟดังกล่าว กลับขัดแย้งกับท่าทีผ่อนปรนของซาอาดี กัดดาฟี บุตรชายอีกคนหนึ่งของกัดดาฟี ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ออกมาประกาศเจตนารมณ์ว่า ต้องการขอเจรจากับฝ่ายกบฏเพื่อยุติการนองเลือด
ด้านเบาะแสเกี่ยวกับแหล่งกบดานของกัดดาฟีนั้น ล่าสุด อับเดล มาจิด เอ็มเล็กตา ผู้ประสานงานฝ่ายปฏิบัติการกองทัพตริโปลีของฝ่ายปฏิวัติ ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ว่า “บางคนที่เราไว้วางใจ” บอกว่า กัดดาฟีได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในเมืองบานี วาลิด ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงตริโปลี พร้อมด้วย ซาอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชาย และอับดุลเลาะห์ อัล-เซนูสซี หัวหน้าหน่วยข่าวกรองของรัฐบาลกัดดาฟี