เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติ (เอ็นทีซี) แสดงความมั่นใจวันนี้ (31) ว่า พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี น่าจะยังกบดานอยู่ในลิเบีย โดยฝ่ายกบฏมีสิทธิ์สังหารเขาได้ทันทีหากยังไม่ยอมจำนน
“จากข้อมูลที่ทราบมาทำให้มั่นใจได้ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ว่ากัดดาฟียังอยู่ในลิเบีย” โอมาร์ ฮารีรี ซึ่งกำกับดูแลด้านการทหาร ให้สัมภาษณ์ที่กรุงตริโปลี พร้อมระบุว่าอดีตผู้นำลิเบียไม่สามารถก่อความเดือดร้อนใดๆ ได้อีกแล้ว
ฝ่ายกบฏสงสัยว่า กัดดาฟีน่าจะหลบอยู่ในเมืองบานี วาลิด ทางตอนใต้ของกรุงตริโปลี หรือไม่ก็แถบชานกรุงนั่นเอง ทว่าตั้งแต่ลิเบียตกอยู่ในภาวะสงคราม ข้อมูลต่างๆ ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ฮารีรีเผย
“เราเชื่อว่าเขายังอยู่ในลิเบีย” อะห์เหม็ด ดาร์ราด ซึ่งรับหน้าที่ควบคุมกระทรวงมหาดไทยจนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เผยเมื่อวานนี้ (30)
ก่อนหน้านี้ อาลี ตาร์ฮูนี เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดคนหนึ่งของเอ็นทีซีก็บอกใบ้กับผู้สื่อข่าวว่า ฝ่ายกบฏทราบดีว่ากัดดาฟีซ่อนตัวอยู่ที่ไหน แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
“กัดดาฟีกำลังหนีหัวซุกหัวซุน เราทราบดีว่าเขาอยู่ที่ไหน” เขากล่าว
การจับกุมกัดดาฟีถือเป็นเป้าหมายหลักของฝ่ายกบฏ ซึ่งอ้างว่าได้ “ปลดปล่อย” ลิเบียจากเงื้อมมือเผด็จการได้เกือบทั้งหมดแล้ว ทว่ายังอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ภักดีต่อระบอบเก่าในเมืองซีราเต ซึ่งเป็นบ้านเกิดของกัดดาฟี
จากปฏิบัติการที่คลุมเครือดังกล่าวทำให้เกิดข่าวลือสารพัดเกี่ยวกับที่อยู่ของ กัดดาฟี โดยเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีข่าวว่า ผู้นำลิเบียหนีไปลี้ภัยในแอลจีเรียเช่นเดียวกับสมาชิกในครอบครัวของเขา
จอมเผด็จการแห่งลิเบียถูกตั้งค่าหัวไว้สูงถึง 1.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (51 ล้านบาท) ซึ่งฝ่ายกบฏก็ดูเหมือนจะต้องการล่าตัวเขาให้ได้ไม่ว่าเป็นหรือตาย แม้จะเคยแถลงว่าจะ “ให้ความยุติธรรม” ต่อกัดดาฟีในลิเบียก็ตาม
“เรามีสิทธิ์ที่จะฆ่าเขาได้” ดาร์ราดระบุ
“เขาฆ่าพวกเรา เขาเป็นอาชญากรและเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าที่ใดในโลกหากอาชญากรไม่ยอมจำนน เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็มีสิทธิ์ที่จะสังหารได้”
สถานที่หลบซ่อนของอดีตผู้นำระดับสูงในรัฐบาลกัดดาฟีหลายคนยังคงเป็นปริศนา รวมถึง อิบราฮิม เซนุสซี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของกัดดาฟีด้วย
อย่างไรก็ตาม ทหารอย่างน้อย 15 นายที่เคยรับใช้รัฐบาลกัดดาฟีถูกกักขังอยู่ภายในบ้านพักที่กรุงตริโปลีแล้ว และอาจเพิ่มจำนวนเป็น 40 นายในอีกไม่กี่วันนี้ ดาร์ราดเผย
ความขัดแย้งในลิเบียส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไปมากกว่า 50,000 คน และอาจเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวหากนับรวมผู้ที่บาดเจ็บและสูญหายด้วย