เทเลกราฟ - หน่วยรบพิเศษทางอากาศ (Special Air Service - SAS) แห่งกองทัพอังกฤษ รับภารกิจภาคพื้นดินเป็นแกนนำสนับสนุนกลุ่มกบฏลิเบียในการตามล่าตัว พันเอก มูอัมาร์ กัดดาฟี ผู้หนีหัวซุกหัวซุนออกจากฐานที่มั่นในกรุงตริโปลี หนังสือพิมพ์เดลีเทเลกราฟเปิดเผย วานนี้ (24)
ขณะที่มีการตั้งค่าหัวของกัดดาฟีไว้ที่ 2 ล้านดีนาร์ (ประมาณ 50 ล้านบาท) ทหารสังกัดหน่วย “เอสเอเอส” ได้รับคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน แห่งอังกฤษ ให้คอยหนุนหลังกลุ่มกบฏ นอกจากนี้ มีการเปิดเผยเป็นครั้งแรกจากแหล่งข่าวความมั่นคงอังกฤษว่า หน่วยรบพิเศษเอสเอเอสได้เข้าประจำการในลิเบียมานานหลายสัปดาห์ และมีบทบาทสำคัญในการนำกองกำลังกบฏเข้าตีกรุงตริโปลี
ทั้งนี้ หลังจากเมืองหลวงลิเบียเกือบทั้งหมดตกอยู่ในกำมือของกบฏ ทหารเอสเอเอส ผู้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าชาวอาหรับ และถืออาวุธไม่ต่างจากกลุ่มกบฏ ได้รับคำสั่งให้เปลี่ยนเป้าหมายเป็นการตามล่าตัวมูอัมมาร์ กัดดาฟี ซึ่งหลบหนีไปตั้งแต่ฐานบัญชาการถูกยึดเมื่อวันอังคาร (23)
ฝ่ายกองกำลังนาโตเองก็ยังมืดแปดด้านไร้เบาะแสแหล่งกบดานของผู้นำลิเบีย พร้อมทั้งมีคำสั่งให้อากาศยานสอดแนมทุกลำที่พร้อมปฏิบัติการออกบินแกะรอยกัดดาฟี ส่วนหน่วยรบพิเศษเอสเอเอสได้รับคำสั่งให้ประจำการในสมรภูมิลิเบียต่อไป และสนับสนุนกลุ่มกบฏภาคพื้นดินในการตามล่าตัวกัดดาฟี
ด้าน มุสตาฟา อับเดล จาลิล ประธานสภาถ่ายโอนอำนาจแห่งชาติของกบฏลิเบีย ยอมรับว่า “เรารู้ดีว่าระบอบกัดดาฟียังไม่สิ้นสลาย จุดจบจะมาถึงเมื่อกัดดาฟีถูกจับตัว ไม่ว่าเป็นหรือตาย ... นักรบและสมุนของกัดดาฟีจะไม่หยุดต่อต้าน จนกว่ากัดดาฟีจะถูกจับหรือถูกฆ่า”
ขณะเดียวกัน การสู้รบยังคงยืดเยื้อ มีรายงานว่าพลแม่นปืนของกัดดาฟีใช้ท่าเรือและสนามบินเป็นฐานที่มั่น ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการลำเลียงเครื่องมือทางการแพทย์ อาหาร และน้ำดื่ม ขององค์กรช่วยเหลือต่างๆ ขณะที่โรงพยาบาลในกรุงตริโปลีแออัดไปด้วยผู้บาดเจ็บ ซึ่งรวมทั้งเด็กๆ จำนวนมาก
โรซา เครสตานี จากองค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Medecins Sans Frontieres) กล่าวว่า “สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต สภาพบ้านเมืองไม่ต่างกับเจอหายนะ ที่นั่นกำลังขาดแคลนยาและเครื่องมือช่วยชีวิต ไม่มีทั้งยาปฏิชีวนะ และอุปกรณ์ผ่าตัด”
