เอเอฟพี - เหตุจลาจลครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษของอังกฤษยังยืดเยื้อเข้าสู่วันนี้(10)เป็นวันที่ 4 โดยแผ่ลามไปไกลถึงแมนเชสเตอร์และเขตอุตสาหกรรมทางตอนกลางของประเทศแล้ว ขณะที่สถานการณ์ในลอนดอนเริ่มคลี่คลาย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 16,000 นายคอยรักษาความสงบเรียบร้อยตามถนนสายต่างๆทั่วกรุง
ที่แมนเชสเตอร์ กลุ่มวัยรุ่นอันธพาลบุกเข้าทุบกระจกและปล้นชิงทรัพย์สินในร้านค้ากลางเมือง พร้อมทั้งวิ่งไล่ช่างภาพออกจากไปจากพื้นที่ก่อเหตุ ขณะที่ตำรวจถึงกับออกปากว่า เหตุจลาจลครั้งนี้หนักหนาสาหัสที่สุดในรอบ 30 ปี
ผู้ประท้วงซึ่งสวมหมวกอำพรางใบหน้าได้จุดไฟเผาอาคารหลายแห่งในเมืองเวสต์บรอมวิช และวูลฟ์แฮมป์ตัน ทางตอนกลางของอังกฤษ ส่วนสถานีตำรวจในเมืองน็อตติงแฮมก็ถูกโจมตีด้วยระเบิดเพลิง ทว่าไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
กลุ่มก่อจลาจลยังคงบุกปล้นร้านค้าในเมืองใหญ่อันดับ 2 อย่างเบอร์มิงแฮมเป็นคืนที่สอง ขณะที่กลุ่มวัยรุ่นในลิเวอร์พูลประมาณ 200 คนก็ขว้างปาระเบิดมือใส่ตำรวจที่พยายามเข้าคุมสถานการณ์
สถานการณ์ในลอนดอนเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยไม่มีการก่อเหตุทุบทำลายหรือเผาอาคารดังที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันจันทร์(8)ที่ผ่านมา ภายหลังประชาชนในท้องถิ่นรวมตัวกันจัดเวรยามปกป้องชุมชน
อย่างไรก็ดี ตำรวจลอนดอนยังเตรียมรับมือเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นซ้ำ ซึ่งพวกเขาบอกว่าเป็นค่ำคืนแห่งจลาจลที่เลวร้ายที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในเมืองหลวง ขณะที่นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ได้สั่งเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่จาก 6,000 เป็น 16,000 นาย เมื่อคืนวานนี้(9) พร้อมสัญญาจะทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
จุดศูนย์กลางการประท้วงวานนี้(9)อยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ซึ่งตำรวจถูกกลุ่มวัยรุ่นที่สวมหมวกสกีและผ้าปิดหน้านับร้อยคนขับไล่จนต้องถอยร่นออกจากพื้นที่ จากนั้นผู้ประท้วงได้บุกทำลายร้านขายรองเท้า, จุดไฟเผาร้านเสื้อผ้าสตรี และทุบกระจกห้างสรรพสินค้าอาร์นเดล ซึ่งเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดของเมืองดังกล่าว
สตีเฟน คาวาแน็ก รองผู้ช่วยอธิบดีตำรวจหน่วยสก็อตแลนด์ยาร์ด เปิดเผยว่า การโจมตีของกลุ่มวัยรุ่นที่ปกปิดใบหน้าถือเป็นเรื่องไม่คาดฝัน ซึ่งทางตำรวจถึงกับเคยพิจารณาว่าจะใช้กระสุนยางเข้าคุมสถานการณ์ ทั้งที่อุปกรณ์ชนิดนี้ไม่เคยถูกใช้ในผืนแผ่นดินอังกฤษมาก่อน
เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ก่อความไม่สงบได้ทั้งหมด 685 รายตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยมีตำรวจบาดเจ็บไปถึง 111 นาย สก็อตแลนด์ยาร์ด ระบุ
