xs
xsm
sm
md
lg

“นายกฯทิเบต” เข้าพิธีสาบานตนสืบทอดอำนาจการเมืองต่อจาก “ทะไลลามะ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ล็อบซัง ซังเกย์ (ซ้าย) รับการประสาทพรจากองค์ทะไลลามะ เนื่องในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีฆราวาสในรัฐบาลทิเบตพลัดถิ่น วันนี้(8)
เอเอฟพี - ล็อบซัง ซังเกย์ วัย 43 ปี ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพลัดถิ่นของทิเบต วันนี้ (8) พร้อมให้คำมั่นว่า จะนำพาทิเบตให้หลุดพ้นจาก "ลัทธิอาณานิคม" ของจีนให้จงได้

หลังเข้าพิธีสาบานตนที่เมืองธรรมศาลา ในอินเดีย ซังเกย์ ฝากคำเตือนไปถึงจีนทันที ว่า ขบวนการปลดปล่อยทิเบต “จะยืนหยัดอยู่ที่นี่” และจะเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าบทบาทขององค์ทะไลลามะจะลดลงก็ตาม

การรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ ซังเกย์ ถือเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ในระบบการเมืองของทิเบต ซึ่งปกครองโดยผู้นำทางศาสนามาตั้งแต่อดีตกาล

ขณะกล่าวสุนทรพจน์เข้ารับตำแหน่งผู้นำทิเบต ซังเกย์ ได้ปฏิเสธกระแสความกังวลที่ว่า ความชราภาพ และการสิ้นพระชนม์ขององค์ทะไลลามะอาจเป็นจุดจบของขบวนการปลอดปล่อยทิเบต ซึ่งพระองค์ทรงริเริ่มขึ้นตั้งแต่เสด็จออกนอกประเทศในปี 1959

ซังเกย์ ระบุว่า การที่เขาได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีในเดือนเมษายน ที่ผ่านมา คือ การประกาศให้นักการเมืองหัวรั้นของจีนทราบว่า ผู้นำทิเบตยังไม่สูญหายไป พร้อมยืนยันจะสานต่อขบวนการปลดปล่อยทิเบตจนกว่าจะได้รับอิสรภาพ

ทั้งนี้ ซังเกย์ ระบุว่า ไม่ได้มีแนวคิดต่อต้านประชาชน หรือประเทศจีน แต่เพียงต้องการสู้กับ “นโยบายที่จีนใช้กดขี่ทิเบต และผู้ใดก็ตามที่ไม่ยอมให้ชาวทิเบตได้รับอิสรภาพ, ความยุติธรรม, ศักดิ์ศรี และอัตลักษณ์ของตน”

อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่าเขายึดมั่นในหลักการอหิงสาและสนับสนุนนโยบาย “ทางสายกลาง” ขององค์ทะไลลามะ ซึ่งมุ่งแสวงหา “การปกครองตนเองที่มีความหมาย” สำหรับทิเบตที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของจีน

ด้าน องค์ทะไลลามะ ซึ่งแม้จะทรงถ่ายโอนอำนาจการปกครองแก่นายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับเลือกมาตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว แต่ยังทรงมีบทบาทในฐานะผู้นำจิตวิญญาณ และมีอิทธิพลในการกำหนดนโยบายต่างๆ ของทิเบต

รัฐบาลทิเบตพลัดถิ่น ไม่ได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ รวมถึงจีน และแม้แต่ชาวทิเบตเองก็อาจมองว่ารัฐบาลชุดนี้ขาดความชอบธรรม หากปราศจากการนำขององค์ทะไลลามะ


กำลังโหลดความคิดเห็น