เอเอฟพี - แม้นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยจะพาตัวเองเข้ามาอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ได้สำเร็จแล้ว ทว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อาจจะยังต้องดิ้นรนอีกหลายตลบ เพื่อให้อยู่ในตำแหน่งผู้นำครบเทอม และนำพาประเทศไทยให้พ้นจากวงจรแห่งความไร้เสถียรภาพ นักวิเคราะห์ชี้
นักวิเคราะห์ต่างมองว่า สายสัมพันธ์ทางเครือญาติอาจเป็นตัวบั่นทอนความอดกลั้นทางการเมืองของ ยิ่งลักษณ์ และชะลอความเป็นไปได้ที่จะนำเอกภาพกลับคืนสู่สังคมไทย ซึ่งแตกแยกเป็นฝักฝ่ายเนื่องจากเหตุประท้วงตลอดหลายปีที่ผ่านมา
“ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้นำขั้วอำนาจซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับของผู้ทรงอิทธิพลหลายๆคนในเมืองไทย” ไมเคิล มอนเตซาโน นักวิเคราะห์จากสถาบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาในสิงคโปร์ ระบุ
“ไม่ช้าก็เร็ว เราจะได้เห็นความพยายามล้มรัฐบาลของเธอด้วยวิธีการต่างๆอย่างชัดเจน” มอนเตซาโน ฟันธง
การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทยให้ครบ 4 ปี ดูเหมือนจะเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะบุคคลมากกว่าระเบียบปฏิบัติ ซึ่งที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งเพียงคนเดียวที่ทำได้ ก็คือ ทักษิณ ชินวัตร
การรัฐประหารเมื่อปี 2006 ส่งผลให้ประเทศไทยต้องตกอยู่ในวังวนความขัดแย้งนานถึง 5 ปี ทั้งในสภาและบนท้องถนน เนื่องจากฝ่ายต่อต้านทักษิณซึ่งมีชนชั้นสูงหนุนหลัง กับกลุ่มสนับสนุนซึ่งเป็นประชาชนรากหญ้า ต่างออกมาประท้วงสร้างความวุ่นวายกันแทบไม่หยุดหย่อน
ดังนั้น ความพยายามโค่นล้ม ยิ่งลักษณ์ ซึ่งจะเข้ารับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีในวันจันทร์นี้(8) ย่อมเสี่ยงที่จะสร้างความโกรธแค้นแก่คนรักทักษิณ จนอาจนำไปสู่เหตุรุนแรงเหมือนเช่นที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ยิ่งลักษณ์ จะประคับประคองอำนาจไปได้นานเท่าใด ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการประนีประนอม ทั้งต่อคนเสื้อแดงที่ร้องขอความยุติธรรมจากเหตุสลายการชุมนุมเมื่อปีที่แล้ว และต่อบรรดาชนชั้นสูงและกองทัพ ซึ่งเกลียดชังนโยบายเชิงเผด็จการของทักษิณ
นับตั้งแต่ถูกรัฐประหารเมื่อ 5 ปีก่อน ทักษิณ ตัดสินใจกบดานอยู่ต่างประเทศเพื่อเลี่ยงโทษจำคุกในความผิดฐานคอรัปชั่น ขณะที่สมัครพรรคพวกของเขาก็ถูกศาลตัดสิทธิ์ทางการเมือง ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยิ่งลักษณ์ เองก็อาจจะถูก “ปฏิวัติโดยกระบวนการยุติธรรม” เช่นกัน
“นี่คือความท้าทายสำหรับเธอว่าจะหลีกเลี่ยงการล่มสลายทั้งระบบอีกครั้งได้อย่างไร” ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าว
“เธอต้องหาแนวทางที่มีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับศัตรูของทักษิณ จะต้องเข้าถึงพวกเขา และแต่งตั้งบุคคลที่เหมาะสมด้วย”
แม้ว่ากองทัพอาจยังไม่กล้าก่อรัฐประหารขึ้นอีกในระยะนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะสามารถบริหารบ้านเมืองได้อย่างราบรื่นโดยปราศจากการแทรกแซงใดๆ
“กองทัพอาจร่วมมือกับกลุ่มอื่นๆหรือสถาบันอื่นๆ เพื่อขัดขวางการทำงานของรัฐบาล” อ.ฐิตินันท์ กล่าว
ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นอดีตพนักงานและผู้บริหารในเครือชินวัตร ยืนกรานปฏิเสธข่าวที่ว่า ทักษิณ เป็นผู้วางตัวรัฐมนตรีในรัฐบาลใหม่ด้วยตนเอง ทั้งยังรับรองว่า ไม่มีแผนการนิรโทษกรรมให้พี่ชายได้กลับบ้านเกิดอย่างผู้บริสุทธิ์
“เธอฉลาดพอที่จะไม่ผลักดันให้นิรโทษกรรมทักษิณโดยเร็ว ผมเชื่อว่าคนในพรรคเพื่อไทยต่างรู้กันดีว่า เรื่องอย่างนี้ต้องค่อยเป็นค่อยไป” มอนเตซาโน ระบุ
แม้จะภารกิจข้างหน้าจะหนักหนาสาหัส แต่ฐานอำนาจของ ยิ่งลักษณ์ ก็นับว่าแข็งแกร่งพอควร ด้วยชัยชนะในการเลือกตั้งที่เด็ดขาดบวกแรงสนับสนุนจากพรรคร่วมอีก 5 พรรค ซึ่งทำให้ฝ่ายรัฐบาลครองเสียงในสภาผู้แทนราษฎรถึง 3 ใน 5
“คงยากที่จะตัดสินตราบใดที่เรายังไม่เห็นการทำงานของเธอ แต่เท่าที่ดูตอนนี้ก็เห็นว่า เธอมีกึ๋นอยู่พอสมควรทีเดียว” นักเขียนและนักวิเคราะห์ คริส เบเกอร์ ระบุ
