เอเอฟพี - หนังสือพิมพ์สัญชาติอังกฤษหลายฉบับที่อภิมหาเศรษฐีรูเพิร์ต เมอร์ด็อกเป็นเจ้าของ ต่างกำลังถูกตรวจสอบโดยทางการอย่างเข้มงวด จากผลพวงข่าวอื้อฉาวกรณีที่นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ แท็บลอยด์ในสังกัด ใช้วิชามารล้วงข้อมูลเชิงลึกด้วยการดักฟังโทรศัพท์ของเหยื่อหลายพันรายจนประชาชนอดรนทนไม่ไหวและต้องปิดตัวลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเจ้าพ่อสื่อเมอร์ด็อก ได้กล่าวขออภัยต่อเรื่องที่เกิดขึ้นกับสาธารณชนอย่างเป็นทางการอีกครั้งผ่านหนังสือพิมพ์ฉบับวันนี้ (17) อย่างไรก็ตาม ด้าน เอ็ด มิลิแบนด์ หัวหน้าพรรคเลเบอร์แกนนำฝ่ายค้าน ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการลดอิทธิพลครอบงำสื่อของเมอร์ด็อก ด้วยการแยกส่วนอาณาจักรสื่อของเขาให้หดเล็กลง
มิลิแบนด์ ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ออบเซิร์ฟเวอร์ ในเครือเดียวกับเดอะการ์เดียน ว่า บรรดานักการเมืองควรที่จะพิจารณาสถานการณ์ที่เป็นอยู่ พร้อมระบุว่า “ผมคิดว่ามันไม่ใช่สภาพที่ดีเลยเนื่องจากอำนาจถูกกองอยู่ในมือของคนคนเดียว ซึ่งชัดเจนว่าอาจนำไปสู่การใช้อำนาจในทางที่ผิดภายในองค์กรของเขา”
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เมอร์ด็อกเจ้าของฉายา “บารอนสื่อ” พยายามควบคุมสถานการณ์วิกฤตภายในอาณาจักรของเขาด้วยการสั่งปิดนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ และยอมถอนข้อเสนอขอเข้าควบคุมกิจการบีสกายบี เคเบิลทีวียักษ์ใหญ่ของอังกฤษที่เขาปรารถนาอยากครอบครองมาตลอด รวมถึงปล่อยให้สองผู้บริหารสูงสุดของเขา รีเบกกา บรูกส์ และเลส ฮินตัน ลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของนิวส์ อินเตอร์เนชั่นแนล และดาวโจนส์ แอนด์ คัมพานี ตามลำดับ ทั้งนี้บริษัททั้งสองล้วนอยู่ในเครือนิวส์ คอร์ปของเมอร์ด็อก
นอกจากนี้ เมอร์ด็อกยังได้ลงโฆษณาขอขมาประชาชนเต็มหน้าของหนังสือพิมพ์เกือบจะทุกหัวของอังกฤษในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยฉบับวันเสาร์ (16) มีการลงลายเซ็นของเมอร์ด็อกกำกับไว้หลังคำลงท้าย “พวกเราเสียใจ” ขณะที่ฉบับวันอาทิตย์ (17) ซึ่งเป็นอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง ก็มีการกล่าวขออภัยในนามตัวแทนของนิวส์ อินเตอร์เนชั่นแนล
เมอร์ด็อกมีกำหนดจะเข้าให้ข้อมูลแก่คณะกรรมาธิการของรัฐสภาอังกฤษในวันอังคาร (19) พร้อมด้วยเจมส์ เมอร์ด็อก บุตรชายและทายาทผู้สืบทอดอาณาจักรของเขา ตลอดจนรีเบคกา บรูกส์ ผู้ซึ่งเคยนั่งเก้าอี้บรรณาธิการนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ในช่วงสมัยที่เกิดเหตุการณ์ลักลอบแฮกเข้าไปในระบบฝากข้อความเสียงของโทรศัพท์แหล่งข่าวหลายราย
ถึงแม้ว่าข่าวฉาวโฉ่ดังกล่าวได้สร้างความหวั่นวิตกไปถึงสหรัฐฯ ที่ซึ่งเอฟบีไอกำลังสืบสาวหาความจริงจากข้อกล่าวหาต่างๆ ที่ว่ามีชาวอเมริกันจำนวนหนึ่งก็ถูกแฮกทางโทรศัพท์ด้วย ทว่าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จุดโฟกัสได้หันเหกลับไปที่การตามล่าหาข้อเท็จจริงจากบรรดาสื่อต่างๆ ในอังกฤษอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีการโยงใยกับประเด็นการเมืองแบบชนิดเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ถูกบีบให้ต้องออกมาแก้ต่างให้ตนเองจากกรณีที่มีการขุดคุ้ยว่าเขาได้ประชุมเป็นการส่วนตัวกับบรรดาบุคคลสำคัญของนิวส์ คอร์ปและนิวส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ถึง 26 ครั้งในรอบ 15 เดือน รวมถึงจัดประชุมหารือกับบรูกส์และเจมส์ เมอร์ด็อก ภายใน “เชกเกอร์ส” บ้านพักประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่บัคกิงแฮมเชียร์ด้วย
ในการนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ วิลเลียม เฮก ได้ออกมากล่าวปกป้องนายกฯ คาเมรอน เมื่อวันเสาร์ (16) ว่า เขาจะไม่รู้สึกละอายใจเพราะเรื่องนี้เลย ถึงแม้เขาชี้ว่าเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการสอบสวนที่มีประธานเป็นผู้พิพากษาและจัดตึ้งขึ้นโดยคาเมรอนจะต้องเป็นผู้ตรวจสอบกรณีความสัมพันธ์ระหว่างพวกนักการเมืองกับบุคคลสำคัญในแวดวงสื่อมวลชน
นอกจากนี้ เฮกยังปกป้องการตัดสินใจของคาเมรอนที่เชื้อเชิญแอนดี โคลสัน อดีตผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของคาเมรอน และครั้งหนึ่งเคยดำรงตำแหน่งบรรณาธิการนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ด้วยนั้น มายังบ้านพักเชคเกอร์สของเขาในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่โคลสันลาออกจากเก้าอี้ที่ดาวนิง สตรีทมาแล้ว 2 เดือน
โคลสันถูกตำรวจจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วในข้อหาพัวพันกับคดีอื้อฉาวดักฟังโทรศัพท์และจ่ายสินบนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ นับเป็น 1 ในผู้ต้องสงสัย 9 คนซึ่งถูกคุมตัวไว้นับจากวันที่ตำรวจเริ่มเปิดแฟ้มคดีขึ้นมาสืบสวนใหม่ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
นอกเหนือจากรัฐบาลคาเมรอนที่กำลังเผชิญแรงกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว สกอตแลนด์ยาร์ด หรือกองบัญชาการตำรวจนครบาลลอนดอน ก็กำลังถูกเพ่งเล็งเช่นกัน หลังจากหน่วยงานนี้ได้เปิดเผยข้อมูลความสัมพันธ์เบื้องลึกเบื้องหลังระหว่างเซอร์ พอล สตีเฟนสัน ผู้บัญชาการตำรวจของตน กับนิวส์ อินเตอร์เนชันแนล โดยระบุว่าสตีเฟนสันเคยพบปะทางสังคมกับคณะผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว 18 ครั้ง ในช่วงระหว่างปี 2006-2010
นอกจากนี้ สกอตแลนด์ยาร์ดยังถูกตั้งคำถามมากมายด้วยว่า เหตุใดจึงได้ว่าจ้างนีล วอลลิส อดีตรองบรรณาธิการนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ มาเป็นที่ปรึกษาให้ หลังจากเขาเพิ่งลาออกจากตำแหน่งในแท็บลอยด์ดังกล่าวได้เพียง 2 เดือน โดยสตีเฟนสันถูกลากเข้ามาเกี่ยวพันกับวอลลิสในรายงานข่าวเมื่อวานนี้ ซึ่งเนื้อหาระบุว่า ผู้บัญชาการตำรวจรายนี้เคยตอบรับเข้าไปพักผ่อนในสถานสปาหรูหราเป็นเวลา 5 สัปดาห์ ในช่วงต้นปีนี้ สปาแห่งนี้เป็นที่ซึ่งวอลลิสทำงานเป็นที่ปรึกษาฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้อยู่
ทั้งนี้ วอลลิสถูกตำรวจจับกุมเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเช่นกันด้วยข้อหาแฮกระบบโทรศัพท์