เอเอฟพี - เจ้าพ่อวงการสื่อชาวออสเตรเลีย รูเพิร์ต เมอร์ด็อก ตัดสินใจประกาศยุบหนังสือพิมพ์นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ แล้ว วานนี้ (7) หลังเผชิญกระแสกดดันหนักจากพฤติกรรมดักฟังโทรศัพท์ ซึ่งอาจกระทบกระเทือนกิจการสื่ออื่นๆ ในเครือของเขาด้วย
สื่อซุบซิบเมืองผู้ดีที่อยู่คู่นักอ่านมานานถึง 168 ปี จะตีพิมพ์ฉบับสุดท้ายในวันอาทิตย์นี้(10) หลังถูกครหาว่าดักฟังข้อความโทรศัพท์เด็กหญิงวัย 13 ปีที่ถูกลักพาตัวไปสังหารเมื่อหลายปีก่อน รวมถึงครอบครัวทหารที่ตายในสงคราม, บุคคลดัง, นักการเมือง หรือแม้แต่พระราชวงศ์
“หลังจากหารือกับเพื่อนร่วมงานอาวุโสแล้ว ผมจึงตัดสินใจดำเนินมาตรการขั้นต่อไปกับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้” เจมส์ บุตรชายของเมอร์ด็อก ซึ่งเป็นประธานบริษัท นิวส์ อินเตอร์เนชันแนล ในเครือ นิวส์ คอร์ป กล่าว
นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ฉบับสุดท้ายจะไม่มีการลงโฆษณาใดๆ และรายได้จะนำไปมอบแก่ “หน่วยงานหรือองค์กรการกุศลที่ต้องการเผยแพร่กิจกรรมดีๆ แก่ผู้อ่านหลายล้านคนของเรา” แถลงการณ์ของเจมส์ระบุ
ด้าน นายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน ซึ่งพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วยเนื่องจากมีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเมอร์ด็อก ยืนยันว่าการปิดหนังสือพิมพ์นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ จะไม่มีผลต่อการสืบสวนคดีดักฟังโทรศัพท์อย่างแน่นอน ทั้งนี้ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารของ คาเมรอน เคยเป็นบรรณาธิการนิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ ในช่วงที่มีการดักฟังโทรศัพท์เกิดขึ้นบ่อยๆด้วย
เจมส์ เมอร์ด็อก ยอมรับว่า นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ เคยโกหกต่อรัฐสภาและประชาชนเกี่ยวกับข่าวอื้อฉาวดังกล่าว และหากนักสืบเอกชนที่ทำงานให้กับหนังสือพิมพ์ดักฟังข้อความเสียงของ มิลลี ดาวเลอร์ วัย 13 ปี ที่ถูกสังหารจริง ก็นับเป็นการกระทำที่ “ไร้มนุษยธรรม”
การสั่งปิด นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ อย่างกะทันหันทำให้หลายฝ่ายมองว่าเมอร์ด็อกกำลังสละสื่อฉบับนี้เพื่อรักษาโอกาสที่จะได้รับสัมปทานโทรทัศน์ดาวเทียมบีสกายบี จากรัฐบาลอังกฤษ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เมอร์ด็อกมีแผนจะออกหนังสือพิมพ์ เดอะซัน ฉบับวันอาทิตย์ เพื่อแทนที่ นิวส์ ออฟ เดอะ เวิลด์ อยู่ก่อนแล้ว