xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ” ฟุ้งสื่อนอก “ไม่เคยคิดแก้แค้น” ร้องหา “ปรองดอง-นิรโทษกรรม 2 ฝ่าย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพจากเว็บไซต์อัลญะซีเราะห์
เอเอฟพี/อัลญะซีเราะห์/เอเจนซีส์ - พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีจำคุกจากเมืองไทย ให้สัมภาษณ์ทางเครือข่ายโทรทัศน์อัลญะซีเราะห์ (Al Jazeera) ของอาหรับ ออกอากาศในอาทิตย์ (26) โดยประกาศว่า ถ้าหากพรรคเพื่อไทยของเขาได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ เขาก็ไม่คิดที่จะทำการแก้แค้นจากการที่เขาได้ถูกทำรัฐประหารโค่นลงจากอำนาจ

ในการให้สัมภาษณ์ นายเวย์น เฮย์ ผู้สื่อข่าวของอัลญะซีเราะห์ จากคฤหาสน์ที่เขาพำนักลี้ภัยอยู่ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า สิ่งสำคัญที่สุดเป็นลำดับแรกสำหรับเขาก็คือการปรองดอง และการทำให้ประเทศไทยกลับมาสามัคคีกันใหม่

“ไม่เคยเลย - ผมไม่เคยต้องการที่จะแก้แค้นเลย” เป็นคำยืนยันของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผู้ซึ่งหลบหนีออกจากประเทศไทยก่อนที่ศาลจะอ่านคำตัดสินให้จำคุกเขาในข้อหาพัวพันกับกับการทุจริตคอร์รัปชั่น

รายการให้สัมภาษณ์นี้นำออกอากาศในวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ผู้มีสิทธิออกเสียงชาวไทยที่คาดหมายกันว่าอาจจะมีจำนวนถึง 2 ล้านคนพากันไปใช้สิทธิลงคะแนนล่วงหน้าในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ประเทศไทยต้องตกอยู่ท่ามกลางความรุนแรงทางการเมืองครั้งร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปีในปีที่แล้ว

“เราจะต้องจับมือกันและก้าวไปข้างหน้า” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวในการให้สัมภาษณ์คราวนี้ “ผมต้องการที่จะผลักดันให้ประเทศชาติของเราก้าวไปข้างหน้า เรากำลังเสียเวลามากเกินไปแล้ว”

การประท้วงต่อต้านรัฐบาลของกลุ่ม “เสื้อแดง” ที่เป็นผู้สนับสนุนทักษิณในปี 2010 จุดชนวนให้ทหารเข้าปราบปรามซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 90 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน

“ถ้าการปรองดองคือการสามัคคีกัน เราก็จำเป็นที่จะต้องลืมอดีตไปเสีย” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว “ถ้าเราไม่สามารถลืมอดีตได้ เราก็ยังคงพูดกันถึงอดีต และไม่มีทางเลยที่เราจะสามารถเคลื่อนไปข้างหน้าได้”

ถึงแม้เขาพำนักอยู่ในต่างแดน แต่ก็เป็นที่เห็นกันอย่างกว้างขวางว่า พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้นำในทางพฤตินัยของพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของเขาก็ถูกส่งเข้ามาต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจของเขา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบันที่เป็นผู้นำพรรคประชาธิปัตย์

น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง และผู้คนจำนวนมากในประเทศไทยรู้สึกว่าการเสนอชื่อเธอเป็นผู้ชิงตำแหน่งนายกฯของฝ่ายค้าน คือการยืนยันว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังคงมีบทบาทเป็นแกนกลางอยู่ในภูมิทัศน์ทางการเมืองของไทย ถึงแม้เขากำลังลี้ภัยอยู่ในต่างแดน

แต่ พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวปกป้องการลงแข่งขันของน้องสาว โดยบอกว่าประสบการณ์ในด้านธุรกิจของเธอทำให้เธอมีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี

น.ส.ยิ่งลักษณ์แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่า เรื่องสำคัญลำดับแรกๆ คือ การนิรโทษกรรมให้แก่พวกที่ถูกกล่าวโทษตั้งข้อหาทางการเมือง แต่ พ.ต.ท.ทักษิณบอกในการให้สัมภาษณ์คราวนี้ว่า การนิรโทษกรรมใดๆ ควรที่จะให้แก่ทั้งสองฝ่าย

“เราไม่ต้องการเห็น (ความรุนแรง) ใดๆ เพิ่มขึ้นอีก” เขากล่าว “นั่นคือเหตุผลที่เรากำลังเรียกร้องขอให้มีการปรองดอง นั่นคือเหตุผลที่เรากำลังเรียกร้องขอให้ประเทศไทยเป็นประเทศชาติที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน - ไม่มีการแบ่งแยกกันอีกต่อไป”

พ.ต.ท.ทักษิณเรียกร้องว่า กระบวนการปรองดองใดๆ ก็ตามจะต้องเป็นไปอย่างเที่ยงธรรมไม่เอนเอียง และนำโดยพวกองค์กรที่เป็นกลาง พร้อมกันนี้เขาก็บอกด้วยว่า การนิรโทษกรรมใดๆ ควรต้องให้กับทั้งสองฝ่าย

เขาปฏิเสธว่าเขาไม่มีความทะเยอทะยานที่จะกลับคืนมาดำรงตำแหน่ง และเห็นพ้องกับความเห็นที่ว่าสมัยที่เขาเป็นนายกฯนั้นไม่ใช่จะมีความสมบูรณ์พร้อม และเสริมว่า ถ้าหากเขาได้กลับเมืองไทยแล้ว เขาจะ “ใช้ถุงมือกำมะหยี่ (ไม้อ่อน) ให้มากขึ้น ใช้กำปั้นเหล็ก (ไม้แข็ง) ให้น้อยลง”

“ผมสามารถพูดขอโทษได้ ไม่มีใครมีความสมบูรณ์พร้อม เมื่อคุณปกครองประเทศอยู่เป็นเวลา 6 ปี คุณก็อาจจะพูดอะไรบางอย่างซึ่งไม่เป็นที่พอใจของผู้คนบางส่วนบางพวก แต่ทั้งหมดของประชาธิปไตยก็คือเสียงส่วนข้างมาก” เขากล่าว

“ทุกๆ ครั้งที่เรามีการเลือกตั้ง เราก็ได้เสียงข้างมากเพิ่มขึ้นๆ และในการเลือกตั้งครั้งสุดท้ายเราชนะได้ 377 ที่นั่ง (เป็นเสียงข้างมาก) ก่อนที่จะถูกขับออกมาด้วยการก่อรัฐประหาร นั่นเท่ากับ 76% ของจำนวน ส.ส.ทั้งสภานะ”

ทั้งนี้ ในช่วงเวลา 6 ปีที่ พ.ต.ท.ทักษิณครองอำนาจ เขาถูกวิจารณ์หนักว่าพยายามเผด็จอำนาจด้วยการบีบบังคับให้พรรคร่วมรัฐบาลขนาดเล็กกว่า ต้องยอมยุบพรรคเข้ามาร่วมกับพรรคการเมืองของเขา รวมทั้งพยายามแผ่อิทธิพลไปครอบงำองค์กรทำหน้าที่ตรวจสอบทั้งหลาย
กำลังโหลดความคิดเห็น