เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุคาร์บอมบ์ฆ่าตัวตายบริเวณโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในอัฟกานิสถานเพิ่มขึ้นเป็น 38 ราย วันนี้ (26) เจ้าพนักงานท้องที่เปิดเผย ไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ประกาศถอนกำลังทหารจำนวน 10,000 นายออกจากสมรภูมิภายในปีนี้
เหยื่อความรุนแรงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดลาฮอร์ครั้งนี้ล้วนเป็นเด็กและผู้หญิง บริเวณแผนกผดุงครรภ์ของโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 50 ราย โดยไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ กองกำลังนานาชาติได้กำหนดเริ่มถ่ายโอนความรับผิดชอบด้านความมั่นคงให้กับทหารอัฟกันใน 7 เขตทั่วประเทศ
มูฮัมหมัด ซอรีฟ นายีบกอลี ผู้อำนวยการสาธารณสุขจังหวัดลาฮอร์ เปิดเผยว่ามีผู้เสียชีวิต 38 ราย และบาดเจ็บ 50 ราย ขัดแย้งกับข้อมูลของผู้กำกับการตำรวจเขตอัซรา ซึ่งระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 33 ราย บาดเจ็บ 45 ราย
พยานรายหนึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ระเบิดว่า ไฟลุกท่วมตัวเหยื่อ ชิ้นส่วนอวัยวะกระจัดกระจายไปทุกทิศทุกทาง หลังจากรถอเนกประสงค์เอสยูวีคันหนึ่งระเบิดขึ้นในเขตอัซรา บริเวณชายแดนติดปากีสถาน เมื่อวันเสาร์ (25)
อับดุล เราะห์มาน ผู้อาศัยอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลเกิดเหตุ เปิดเผยกับเอเอฟพีว่าเขาสูญเสียญาติพี่น้องทั้งหมด 7 คนจากเหตุคาร์บอมบ์ครั้งนี้
“ญาติๆ ผม 7 คน มีทั้งผู้หญิง 3 คน กับเด็กอีก 2 คนไปโรงพยาบาลเมื่อเช้านี้” เขาพูดทั้งน้ำตานองหน้า “ผมอยู่ที่บ้าน ได้ยินเสียงระเบิด ผมรีบไปที่เกิดเหตุ จึงได้เห็นศพ คนเจ็บจำนวนมาก”
“หลายคนมีไฟลุกท่วม มีศพอยู่ทุกๆ ที่ ครอบครัวผมตายแล้ว ผมหาญาติไม่เจอ พวกเธออยู่ใต้ซากอาคาร”
หลังเกิดเหตุ ซอบีฮุลเลาะห์ มูจาฮิด โฆษกตอลิบาน ออกมาปฏิเสธว่าตอลิบานไม่ได้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ “เราขอประณามการโจมตีโรงพยาบาลครั้งนี้ ... ใครก็ตามที่ทำ ต้องการป้ายสีตอลิบาน”
ด้าน คณะทำงานของยูเอ็นในอัฟกานิสถานย้ำว่าการโจมตีโรงพยาบาลเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยชนระหว่างประเทศ
คาร์บอมบ์ครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังผู้นำสหรัฐฯ ประกาศถอนทหาร 33,000 นายออกจากอัฟกานิสถานภายในฤดูร้อนปีหน้า ทั้งนี้ กำลังทหารนานาชาติทั้งหมดมีกำหนดถอนตัวภายในสิ้นปี 2014 เมื่อทหารอัฟกันเข้ารับผิดชอบความมั่นคงทั่วประเทศ ปัจจุบัน มีทหารต่างชาติในอัฟกานิสถานจำนวน 150,000 นาย โดยเป็นของสหรัฐฯ 99,000 นาย