รวบหนุ่มแสบหลอกเจ้าของรถที่ถูกโจรกรรมโอนเงินเข้าบัญชี เพื่อไถ่รถคืน สารภาพจะค้นหาข้อมูลรถหาย และหมายเลขโทรศัพท์เจ้าของรถผ่านเว็บกูเกิล เมื่อรู้เบอร์และลักษณะรถจะโทรโน้มน้าวจนเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้ 6 หมื่น ถึง 1.5 แสนบาท เมื่อได้เงินจะปิดมือถือหนีทันที ขณะแถลงข่าวมีลูกทีม ปชป.สูญ 7 หมื่น มาชี้ตัวผู้ต้องหาเหตุถูกหลอกด้วย
วันนี้ (8 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงการจับกุม นายสุรชัย หรือตี๋ ตั้งประสิทธิ์ศิลป์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 741/1 ซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. ผู้ต้องหาหลอกให้เจ้าของรถยนต์ที่แจ้งหายโอนเงินเพื่อไถ่รถคืน ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ เลขที่ 188 / 2554 ท้องที่ สน.วัดพระยาไกร ข้อหาลักทรัพย์และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยลักเอาข้อมูลทางการเงินของผู้เสียหายแล้วดำเนินการโอนเงินทางคอมพิวเตอร์
พล.ต.ต.สุเมธกล่าวว่า คนร้ายรายนี้มีพฤติการณ์การทำผิดคือจะค้นหาข้อมูลรถหายและหมายเลขโทรศัพท์เจ้าของรถที่แจ้งหายที่ลงประกาศไว้ในอินเทอร์เน็ต โดยค้นหาในเว็บไซต์กูเกิล ระบุคำว่า “รถหาย” ก็จะปรากฏชื่อเบอร์โทรศัพท์เจ้าของรถและลักษณะของรถอย่างละเอียด จากนั้นผู้ต้องหาจะโทรศัพท์เข้าไปหาผู้เสียหายแต่ละรายโดยบอกว่าตอนนี้รถที่หายไปนั้นอยู่กับตนเองแล้ว มีคนนำมาจำนำไว้ พร้อมบอกรายละเอียดของรถได้อย่างถูกต้อง
“หากเจ้าของรถอยากได้รถคืนก็ให้โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 60,000-150,000 บาท ซึ่งแล้วแต่กรณี โดยยืนยันจะนำรถไปคืนไว้ตามจุดที่มีการนัดหมายกัน โดยมีการพูดโน้มน้าวให้โอนเงินเข้าบัญชีของคนร้ายก่อน มิฉะนั้นจะไม่คืนรถให้ ซึ่งมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อโอนเงินให้ไปก่อน เมื่อได้เงินเรียบร้อยแล้วก็จะปิดโทรศัพท์มือถือทันที จนผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้วจึงเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถกองบัญชาการตำรวจนครบาลติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ในที่สุด” พล.ต.ต.สุเมธกล่าว
ด้าน นายสุรชัยรับสารภาพว่ากระทำการดังกล่าวจริง โดยทำมาแล้วกว่า 20 ราย ซึ่งได้เงินมาร่วม 5 แสนบาท โดยนำเงินไปใช้จ่ายและเล่นการพนันในบ่อนพื้นที่ จ.ภูเก็ต จนหมด พร้อมยอมรับว่าทำเพียงคนเดียว โดยติดตามข่าวสารรถหายจากทางสื่อทีวีว่ามีรถหายที่ไหนบ้าง จากนั้นจะไปเปิดดูข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ซึ่งพบมีข้อมูลรถหายเป็นจำนวนมาก จึงกลายเป็นช่องทางที่ทำมาหากินหาเงินใช้ได้จึงตัดสินใจทำ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลงข่าวมีผู้เสียหายจำนวน 2 คนมาชี้ตัวผู้ต้องหา ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นรถส่วนตัวของลูกทีมพรรคประชาธิปัตย์ โดยผู้ต้องหาระบุว่าถูกคนร้ายล่อลวงในลักษณะดังกล่าวทำให้สูญเงินไปรายละ 7 หมื่น และ 8 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลร้องเรียนพบว่ามีผู้เสียหายที่ต้องสูญเงินไปจำนวนมากจากการกระทำของผู้ต้องหารายนี้ไปจำนวน 7 ราย และมีการแจ้งหายไว้ในพื้นที่ต่างๆ ทั้งรถเก๋ง รถกระบะและรถอเนกประสงค์ โดยแจ้งหายในพื้นที่ สน.บางยี่ขัน สน.บางชัน สน.บางเขน สน.พระโขนง สน.หัวหมาก สน.บางบอน และ สภ.ปากร่วม แต่ผู้เสียหายรู้ทัน จึงไม่ได้โอนเงินไปให้ เพราะเอะใจไม่หลงเชื่อ ขณะที่ผู้เสียหายรายอื่นๆ สูญเงินไปรายละ 3 หมื่นบาท จนถึง 1.5 แสนบาท
วันนี้ (8 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน กองบังคับการสืบสวนสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล แถลงการจับกุม นายสุรชัย หรือตี๋ ตั้งประสิทธิ์ศิลป์ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 741/1 ซอยเพชรเกษม 63 แขวงหลักสอง เขตบางแค กทม. ผู้ต้องหาหลอกให้เจ้าของรถยนต์ที่แจ้งหายโอนเงินเพื่อไถ่รถคืน ตามหมายจับศาลแขวงพระนครใต้ เลขที่ 188 / 2554 ท้องที่ สน.วัดพระยาไกร ข้อหาลักทรัพย์และกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยลักเอาข้อมูลทางการเงินของผู้เสียหายแล้วดำเนินการโอนเงินทางคอมพิวเตอร์
พล.ต.ต.สุเมธกล่าวว่า คนร้ายรายนี้มีพฤติการณ์การทำผิดคือจะค้นหาข้อมูลรถหายและหมายเลขโทรศัพท์เจ้าของรถที่แจ้งหายที่ลงประกาศไว้ในอินเทอร์เน็ต โดยค้นหาในเว็บไซต์กูเกิล ระบุคำว่า “รถหาย” ก็จะปรากฏชื่อเบอร์โทรศัพท์เจ้าของรถและลักษณะของรถอย่างละเอียด จากนั้นผู้ต้องหาจะโทรศัพท์เข้าไปหาผู้เสียหายแต่ละรายโดยบอกว่าตอนนี้รถที่หายไปนั้นอยู่กับตนเองแล้ว มีคนนำมาจำนำไว้ พร้อมบอกรายละเอียดของรถได้อย่างถูกต้อง
“หากเจ้าของรถอยากได้รถคืนก็ให้โอนเงินเข้าบัญชีจำนวน 60,000-150,000 บาท ซึ่งแล้วแต่กรณี โดยยืนยันจะนำรถไปคืนไว้ตามจุดที่มีการนัดหมายกัน โดยมีการพูดโน้มน้าวให้โอนเงินเข้าบัญชีของคนร้ายก่อน มิฉะนั้นจะไม่คืนรถให้ ซึ่งมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อโอนเงินให้ไปก่อน เมื่อได้เงินเรียบร้อยแล้วก็จะปิดโทรศัพท์มือถือทันที จนผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกหลอกแล้วจึงเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถกองบัญชาการตำรวจนครบาลติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ในที่สุด” พล.ต.ต.สุเมธกล่าว
ด้าน นายสุรชัยรับสารภาพว่ากระทำการดังกล่าวจริง โดยทำมาแล้วกว่า 20 ราย ซึ่งได้เงินมาร่วม 5 แสนบาท โดยนำเงินไปใช้จ่ายและเล่นการพนันในบ่อนพื้นที่ จ.ภูเก็ต จนหมด พร้อมยอมรับว่าทำเพียงคนเดียว โดยติดตามข่าวสารรถหายจากทางสื่อทีวีว่ามีรถหายที่ไหนบ้าง จากนั้นจะไปเปิดดูข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ซึ่งพบมีข้อมูลรถหายเป็นจำนวนมาก จึงกลายเป็นช่องทางที่ทำมาหากินหาเงินใช้ได้จึงตัดสินใจทำ
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างแถลงข่าวมีผู้เสียหายจำนวน 2 คนมาชี้ตัวผู้ต้องหา ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นรถส่วนตัวของลูกทีมพรรคประชาธิปัตย์ โดยผู้ต้องหาระบุว่าถูกคนร้ายล่อลวงในลักษณะดังกล่าวทำให้สูญเงินไปรายละ 7 หมื่น และ 8 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบข้อมูลร้องเรียนพบว่ามีผู้เสียหายที่ต้องสูญเงินไปจำนวนมากจากการกระทำของผู้ต้องหารายนี้ไปจำนวน 7 ราย และมีการแจ้งหายไว้ในพื้นที่ต่างๆ ทั้งรถเก๋ง รถกระบะและรถอเนกประสงค์ โดยแจ้งหายในพื้นที่ สน.บางยี่ขัน สน.บางชัน สน.บางเขน สน.พระโขนง สน.หัวหมาก สน.บางบอน และ สภ.ปากร่วม แต่ผู้เสียหายรู้ทัน จึงไม่ได้โอนเงินไปให้ เพราะเอะใจไม่หลงเชื่อ ขณะที่ผู้เสียหายรายอื่นๆ สูญเงินไปรายละ 3 หมื่นบาท จนถึง 1.5 แสนบาท