เอเจนซี - ซีอีโอของ พิมโก้ กองทุนเพื่อการลงทุนตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก พูดฟันธงในวันพุธ (22) ว่า กรีซและชาติยุโรปอื่นๆ จะต้องประกาศหยุดพักชำระหนี้เข้าจนได้ เพื่อจะได้สามารถแก้ปัญหาอันหนักหน่วงของพวกตน
รัฐบาลกรีซนั้นเพิ่งชนะได้คะแนนเสียงไว้วางใจในสภาอย่างเฉียดฉิวเมื่อคืนวันอังคาร (21) โดยเรื่องนี้นับเป็นขั้นตอนอันสำคัญยิ่ง ในเส้นทางมุ่งหน้าปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ทั้งนี้ หากไม่ได้รับเงินกู้ดังกล่าวนี้ กรีซก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะกลายเป็นชาติในยูโรโซนรายแรกที่จะต้องประกาศหยุดพักชำระดอกเบี้ยและเลื่อนกำหนดเวลาไถ่ถอนบรรดาตราสารหนี้ภาครัฐของตน
อย่างไรก็ตาม โมฮาเหม็ด เอล-อีเรียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ พิมโก้ กล่าวกับบรรดาผู้สื่อข่าวในกรุงไทเปวันพุธ โดยผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า “ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ กัน หาทางออกจากปัญหาที่มีอยู่ต่างๆ กัน โดยสำหรับพวกเศรษฐกิจในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรีซ จะเป็นการหาทางออกโดยการประกาศหยุดพักชำระหนี้”
นอกเหนือจากกรีซแล้ว เขาไม่ได้ระบุชื่อพวกประเทศยุโรปอื่นๆ ที่เขากำลังกล่าวถึง
เอล-อีเรียน ได้เคยพูดเอาไว้มาก่อนแล้วว่า กรีซจะ “ชักดาบ” ไม่ชำระดอกเบี้ยหรือไถ่ถอนพันธบัตรภาครัฐตามกำหนดเวลา และดังนั้นยุโรปจึงมีความเสี่ยงที่จะต้องเสียเงินทองไปเปล่าๆ โดยไม่ได้อะไรตอบแทน จากการที่กำลังพยายามอัดฉีดเงินกู้นับหมื่นๆ ล้านดอลลาร์เข้าไปช่วยเหลือเศรษฐกิจกรีซที่กำลังย่ำแย่หนัก
“(กรีซ)ไม่มีการทำอะไรเลยเพื่อกระตุ้นส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ” เขาระบุ “ไม่มีตัวเลขเครื่องบ่งชี้เศรษฐกิจ (ของกรีซ) แม้แต่ตัวเดียวที่แสดงให้เห็นความเข้มแข็ง พวกเขากำลังหวาดกลัวว่าถ้าหากทำการปรับโครงสร้างแล้วก็จะกระทบกระเทือนพวกธนาคารของยุโรป”
อย่างไรก็ดี เขาแสดงความไม่แน่ใจว่า ถ้าหากกรีซ “เบี้ยวหนี้” ขึ้นมาจริงๆ จะกลายเป็นชนวนก่อให้เกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลกครั้งใหม่หรือไม่ ทั้งนี้เขาอธิบายว่า การหยุดพักชำระหนี้ของกรีซ จะทำให้พวกชาติยูโรโซนที่ประสบปัญหาทำนองเดียวกัน อันได้แก่ ไอร์แลนด์, โปรตุเกส, อิตาลี, และสเปน ต้องย่ำแย่ตามไปด้วยแน่ๆ อย่างไรก็ดี กรีซนั้นยังเล็กเกินไปกว่าจะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจอันใหญ่โตได้
ทั้งนี้ พิมโก้ หรือที่มีชื่อเต็มว่า แปซิฟิก อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์ คอมปานี มีสำนักงานใหญ่อยู่ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย เวลานี้มีฐานะเป็นผู้จัดการกองทุนที่ลงทุนในด้านตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีสินทรัพย์อยู่ในการบริหารจัดการร่วมๆ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์
ทางด้าน โฮราซิโอ วาเลรัส ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของบริษัทกองทุน อัลลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ส แคปิตอล (AGIC) ก็พยากรณ์ว่า การหยุดพักชำระหนี้ของกรีซ “เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” ขณะที่ ไอร์แลนด์ และ โปรตุเกส ก็จะต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้สินภาครัฐของพวกตนเช่นกัน ทั้งนี้ ไอร์แลนด์ กับโปรตุเกส เป็นอีก 2 ชาติในยูโรโซน นอกเหนือจากกรีซ ที่กำลังรับความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อไม่ให้ต้องล้มละลาย จากทางสหภาพยุโรป(อียู)และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
“เวลานี้เราไม่ลงทุนใดๆ ในกรีซ, ไอร์แลนด์, สเปน และโปรตุเกส” วาเลรัส ซึ่งมาปรากฏตัวด้วยตนเองในงานแถลงข่าวที่ไทเปคราวนี้ กล่าวย้ำ
ทั้ง พิมโก้ และ AGIC ต่างเป็นกิจการในเครือของอัลลิอันซ์ บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมนี โดยที่อัลลิอันซ์เป็นผู้จัดการการบรรยายสรุปสำหรับสื่อมวลชนและนักลงทุนที่ไทเปคราวนี้
รัฐบาลกรีซนั้นเพิ่งชนะได้คะแนนเสียงไว้วางใจในสภาอย่างเฉียดฉิวเมื่อคืนวันอังคาร (21) โดยเรื่องนี้นับเป็นขั้นตอนอันสำคัญยิ่ง ในเส้นทางมุ่งหน้าปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากสหภาพยุโรป (อียู) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ทั้งนี้ หากไม่ได้รับเงินกู้ดังกล่าวนี้ กรีซก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นที่จะกลายเป็นชาติในยูโรโซนรายแรกที่จะต้องประกาศหยุดพักชำระดอกเบี้ยและเลื่อนกำหนดเวลาไถ่ถอนบรรดาตราสารหนี้ภาครัฐของตน
อย่างไรก็ตาม โมฮาเหม็ด เอล-อีเรียน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ พิมโก้ กล่าวกับบรรดาผู้สื่อข่าวในกรุงไทเปวันพุธ โดยผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ว่า “ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้านี้ เราจะได้เห็นเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ กัน หาทางออกจากปัญหาที่มีอยู่ต่างๆ กัน โดยสำหรับพวกเศรษฐกิจในยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรีซ จะเป็นการหาทางออกโดยการประกาศหยุดพักชำระหนี้”
นอกเหนือจากกรีซแล้ว เขาไม่ได้ระบุชื่อพวกประเทศยุโรปอื่นๆ ที่เขากำลังกล่าวถึง
เอล-อีเรียน ได้เคยพูดเอาไว้มาก่อนแล้วว่า กรีซจะ “ชักดาบ” ไม่ชำระดอกเบี้ยหรือไถ่ถอนพันธบัตรภาครัฐตามกำหนดเวลา และดังนั้นยุโรปจึงมีความเสี่ยงที่จะต้องเสียเงินทองไปเปล่าๆ โดยไม่ได้อะไรตอบแทน จากการที่กำลังพยายามอัดฉีดเงินกู้นับหมื่นๆ ล้านดอลลาร์เข้าไปช่วยเหลือเศรษฐกิจกรีซที่กำลังย่ำแย่หนัก
“(กรีซ)ไม่มีการทำอะไรเลยเพื่อกระตุ้นส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ” เขาระบุ “ไม่มีตัวเลขเครื่องบ่งชี้เศรษฐกิจ (ของกรีซ) แม้แต่ตัวเดียวที่แสดงให้เห็นความเข้มแข็ง พวกเขากำลังหวาดกลัวว่าถ้าหากทำการปรับโครงสร้างแล้วก็จะกระทบกระเทือนพวกธนาคารของยุโรป”
อย่างไรก็ดี เขาแสดงความไม่แน่ใจว่า ถ้าหากกรีซ “เบี้ยวหนี้” ขึ้นมาจริงๆ จะกลายเป็นชนวนก่อให้เกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลกครั้งใหม่หรือไม่ ทั้งนี้เขาอธิบายว่า การหยุดพักชำระหนี้ของกรีซ จะทำให้พวกชาติยูโรโซนที่ประสบปัญหาทำนองเดียวกัน อันได้แก่ ไอร์แลนด์, โปรตุเกส, อิตาลี, และสเปน ต้องย่ำแย่ตามไปด้วยแน่ๆ อย่างไรก็ดี กรีซนั้นยังเล็กเกินไปกว่าจะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจอันใหญ่โตได้
ทั้งนี้ พิมโก้ หรือที่มีชื่อเต็มว่า แปซิฟิก อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์ คอมปานี มีสำนักงานใหญ่อยู่ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย เวลานี้มีฐานะเป็นผู้จัดการกองทุนที่ลงทุนในด้านตราสารหนี้รายใหญ่ที่สุดของโลก โดยมีสินทรัพย์อยู่ในการบริหารจัดการร่วมๆ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์
ทางด้าน โฮราซิโอ วาเลรัส ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุนของบริษัทกองทุน อัลลิอันซ์ โกลบอล อินเวสเตอร์ส แคปิตอล (AGIC) ก็พยากรณ์ว่า การหยุดพักชำระหนี้ของกรีซ “เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้” ขณะที่ ไอร์แลนด์ และ โปรตุเกส ก็จะต้องดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้สินภาครัฐของพวกตนเช่นกัน ทั้งนี้ ไอร์แลนด์ กับโปรตุเกส เป็นอีก 2 ชาติในยูโรโซน นอกเหนือจากกรีซ ที่กำลังรับความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อไม่ให้ต้องล้มละลาย จากทางสหภาพยุโรป(อียู)และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
“เวลานี้เราไม่ลงทุนใดๆ ในกรีซ, ไอร์แลนด์, สเปน และโปรตุเกส” วาเลรัส ซึ่งมาปรากฏตัวด้วยตนเองในงานแถลงข่าวที่ไทเปคราวนี้ กล่าวย้ำ
ทั้ง พิมโก้ และ AGIC ต่างเป็นกิจการในเครือของอัลลิอันซ์ บริษัทประกันภัยยักษ์ใหญ่สัญชาติเยอรมนี โดยที่อัลลิอันซ์เป็นผู้จัดการการบรรยายสรุปสำหรับสื่อมวลชนและนักลงทุนที่ไทเปคราวนี้